จากกรณี ช่วงเย็นวันที่ 24 ต.ค. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบและพิจารณาที่จะดำเนินคดีกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และพยาน ที่อ้างว่าเป็นคนสนิทใกล้ชิดกับบอสพอล นำข้อมูลว่าบอสพอลเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโต ซึ่งตำรวจได้ออกมายืนยันแล้วว่าข้อมูลดังกล่าว จากบุคคลนี้เชื่อถือไม่ได้ ขณะนี้ทีมทนายรวบรวมพยานหลักฐาน และเตรียมเอกสารเพื่อจะแจ้งความดำเนินคดี แต่ยังไม่มีกำหนดวันเวลาที่แน่ชัด สาเหตุที่ต้องดำเนินคดีเพราะทำให้บริษัทเสื่อมเสีย หน่วยงานที่ถูกพาดพิงเสียหายไปด้วย โดยบอสพอลยืนยันไม่รู้จักบุคคลดังกล่าว

คืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ต.ค. 67 นายเอกภพ เปิดเผยว่า เรื่องที่ ทนายของบอสพอล เตรียมพิจารณาฟ้องร้องตนนั้น ต้องกล่าวด้วยสัตย์จริง ด้วยความบริสุทธิ์ว่าตนเองมีความปราถนาดี ตนไม่ได้มีความต้องการที่จะไปทำร้ายใคร เมื่อมีพลเมืองดีมาให้ข้อมูล โดยเราจะถามเสมอว่า พร้อมให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เราฟังแล้วมองว่าเป็นเรื่องสำคัญ เราก็รับฟัง ซึ่งข้อมูลนั้นจะจริงหรือเท็จ ตนเองก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็จะต้องให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบ ซึ่งตนมองว่า การที่ตนนำคนที่แจ้งเบาะแสเข้าไปให้การกับหน้าที่ เป็นประโยชน์มากกว่าเป็นโทษแน่นอน แต่หากมีคนมาแจ้งเบาะแสกับตน แต่ตอนนี้เฉย ไม่พูดอะไร โดยคิดแค่ว่ามันจะเป็นไปได้หรือ ไม่พูดดีกว่า ซึ่งหากว่ามันไม่จริงแล้วมีคนมาต่อว่าเรา แต่ถ้าวันเวลาผ่านไป กลับเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ตนก็จะถูกตำหนิอีก ว่าทำไมพลเมืองดีเข้ามาให้ข้อมูล ทำไมไม่พาไปหาตำรวจ

นายเอกภพ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนเรื่องที่มีการโอนเงินนั้น มีการโอนจริง แต่ไม่มีใครตอบได้ ตามที่ตนได้ให้สัมภาษณ์ทุกครั้ง ว่าเงินดังกล่าวเป็นของใคร เป็นของ the icon หรือไม่ ต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ อย่างไรก็ตาม มีหลายบุคคลเตือนด้วยความหวังดี ว่าอย่าเข้าไปยุ่งเลย เพราะมันเกี่ยวพันกับหลายบุคคล แต่ตนอยากเข้าไปยุ่งเอง เนื่องจากตนเป็นห่วงผู้เสียหาย

นายเอกภพ กล่าวต่ออีกว่า หากสิ่งที่ตนพูดไปพาดพิงถึงหน่วยงานใด ต้องขออภัยด้วย แต่สิ่งที่ตนพูดนั้นเกิดขึ้นในอดีต ตั้งแต่ในปี 61 62 ไม่ใช่ปัจจุบัน โดยวันนี้ตนไม่ได้ทะเลาะกับตำรวจ ตนได้ข้อมูลอะไร ก็ส่งให้พี่ตำรวจเขาหมด ซึ่งหากท่านทนายจะดำเนินคดี ตนก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการ แต่ผมขอยืนยันว่าผมบริสุทธิ์ใจ ตนไม่ได้คิดจะกลั่นแกล้งใคร รู้อะไรมาก็เอาไปให้ แต่ไม่อยากให้ไปดำเนินคดีพยาน เพราะเขารู้ และได้ยินมาแบบนั้น ซึ่งหากไม่จริง อีกฝ่ายหนึ่งก็สามารถชี้แจงได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าท้อใจหรือไม่ กับสิ่งที่เกิดขึ้น นายเอกภพ กล่าวว่า ตนก็รู้สึกท้อใจบ้าง เมื่อถามต่อว่า หากมีการฟ้องร้องแล้วนายเอกภพไม่ผิด จะมีการดำเนินคดีกลับหรือไม่ นายเอกภพ กล่าวว่า ตนไม่คิดจะฟ้องกลับ แต่ทั้งนี้ใครมีข้อมูลแล้วมาให้กับตน ตนก็จะนำเสนอต่อ เพราะตนบริสุทธิ์ใจ.