จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รับหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 115/2567 หรือกรณีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กระทำความผิดอาญาฐานฟอกเงิน เพื่อดำเนินการขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินและการทำธุรกรรมรับโอนเงิน การจำหน่าย จ่าย โอน เปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สินที่มาจากการกระทำความผิดของบรรดา 18 บอสดิไอคอนฯ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์ รวมถึงการเตรียมเปิดปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายเพื่อเข้าตรวจสอบ ยึดและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ฟอกเงินทางอาญา เปิดเผยถึงสถานการณ์ที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าระดับผู้บริหาร บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ จะใช้วิธีการซุกซ่อนโยกย้ายทรัพย์สินปลอมว่า มันมีความเป็นไปได้ที่กลุ่มผู้ต้องหาจะซื้อทรัพย์สินเหล่านี้ไว้เตรียมสำหรับการจัดฉาก เช่น นำทรัพย์สินมาโชว์เพื่ออ้างว่าการทำธุรกิจนี้ทำให้ร่ำรวย ขณะที่บางคนอาจมองไม่ออก เพราะถ้าเป็นสินค้าแท้ถูกลิขสิทธิ์ก็จะต้องมีมูลค่าสูงมาก อย่างไรก็ตาม ตนขอเน้นย้ำว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีแรกที่มีการสะสมของปลอม เพราะหากย้อนไปในคดีแชร์ Forex-3D ก็มีทรัพย์สินหลายรายการที่เป็นของปลอม ทั้งนี้ ดีเอสไอไม่ใช่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินว่าของแท้หรือของปลอม จึงต้องรายการทรัพย์สินทุกประเภทที่ได้ยึดและอายัดมานั้น นำส่งให้สำนักงาน ปปง. เข้าสู่กระบวนการการดำเนินการกับทรัพย์สินแทน เพื่อ ปปง. จะได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาประเมินราคาทรัพย์สิน

ร.ต.อ.วิษณุ เผยอีกว่า ประการสำคัญสำหรับเรื่องการชี้เบาะแสเรื่องทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นพลเมืองดีที่ช่วยแจ้งสถานที่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบนั้น ก็มีการบ่งบอกพฤติการณ์ชัดเจนว่ามีการกระทำซุกซ่อนและมีผู้เกี่ยวข้องกับผู้บริหารของบริษัท ดิไอคอนฯ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ไม่มีทางรู้ว่าเป็นทรัพย์สินอะไร แต่เชื่อได้แน่นอนว่าเป็นทรัพย์สินที่มาจากการกระทำความผิดในคดี เจ้าหน้าที่จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปดำเนินการก่อนจะมีการโยกย้ายทรัพย์สินออกไปที่อื่น นอกจากนี้ ตนไม่คิดว่าจะเป็นแผนประวิงเวลาของผู้ต้องหาที่วางแผนให้เจ้าหน้าที่ติดตามยึดทรัพย์สินปลอม เนื่องจากคนที่แจ้งเบาะแสคือพลเมืองดีที่มีความสงสัยเรื่องรถซูเปอร์คาร์ที่ขับเข้ามามีพิรุธ และพลเมืองดีก็มีความต้องการอยากให้ภาครัฐได้ทำหน้าที่ติดตามทรัพย์สินที่ถูกผู้ต้องหานำมาซุกซ่อน ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อผู้เสียหายในคดี

“ดีเอสไอมีความพยายามที่จะติดตามทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องจากการกระทำความผิด เพื่อที่จะได้นำมาเยียวยาผู้เสียหายได้มากที่สุด หากเป็นของแท้ ความโชคดีจะเป็นของผู้เสียหาย แต่ถ้าไม่ใช่สินค้าแท้ มันก็ยังมีมูลค่าอยู่ดี แค่มูลค่าอาจจะลดลงเท่านั้น” ร.ต.อ.วิษณุ ระบุ

ร.ต.อ.วิษณุ เผยต่อว่า หลังจากนี้ดีเอสไอจะมีปฏิบัติการยึดและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมแน่นอน และตนขอให้กำลังใจผู้ที่แจ้งเบาะแสที่ซุกซ่อนทรัพย์สินของบริษัท ดิไอคอนฯ ขอให้มั่นใจว่าการแจ้งเบาะแส การชี้เป้าของท่านไม่ได้ทำให้พนักงานสอบสวนหลงทาง ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และดีเอสไอหวังว่าจะได้รับความร่วมมือเช่นนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่ท่านสงสัย หรือท่านเชื่อได้ว่ามาจากการกระทำความผิดในคดีดังกล่าว ดีเอสไอจะรีบเข้าไปตรวจสอบ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทุกการเข้าไปตรวจสอบดีเอสไอต้องใช้อำนาจของศาล ดังนั้น ดีเอสไอจึงต้องเข้าไปบันทึกปากคำและสาเหตุที่ต้องเข้าไปตรวจค้น ดีเอสไอไม่ได้เข้าไปโดยทันที เราต้องมีข้อเท็จจริงเสนอต่อศาลพอสมควรด้วย ทั้งนี้ รายการทรัพย์สินต่อจากนี้หากดีเอสไอจะเข้าไปยึดและอายัด จะไม่ซ้ำซ้อนกับรายการทรัพย์สินที่ตำรวจจะดำเนินการ

ร.ต.อ.วิษณุ ยังประชาสัมพันธ์ถึงเครื่องมือตรวจสอบธุรกิจแชร์ลูกโซ่ฟรีสำหรับประชาชน ซึ่งเป็น Official Line Account : @checkdidsi ที่ได้รับการวิจัยและพัฒนาโดยดีเอสไอ ว่า สำหรับ @checkdidsi จะเป็นไลน์ออฟฟิเชียลที่ถูกพัฒนามาเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ เพราะพฤติการณ์แชร์ลูกโซ่ในสังคมไทยมีพัฒนาการต่อเนื่อง เปลี่ยนแปลงรูปแบบตลอดเวลา ตนจึงขอแจ้งให้พี่น้องประชาชนกดเพิ่มเพื่อนกันเยอะ ๆ เพราะตอนนี้ตั้งแต่มีการเปิดให้บริการ เราได้มีการเก็บข้อมูลมาตลอดและพบว่ามี ‘ผู้เกือบเสียหาย’ หลายรายที่ขอบคุณดีเอสไอ เนื่องจากพอประชาชนมีการกรอกข้อมูลและพฤติการณ์รูปแบบแผนธุรกิจ

จากนั้นระบบมีการประมวลผลจึงทำให้ประชาชนทราบว่า ธุรกิจที่เขากำลังจะลงทุนนั้น มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นแชร์ลูกโซ่ ทำให้ไม่ตัดสินใจลงทุน และไม่กลายเป็นผู้เสียหาย ทั้งนี้ หากประชาชนสนสงสัยว่าแผนธุรกิจนั้น ๆ คล้ายมีพฤติกรรมหลอกลวง หรือมีลักษณะจะเป็นแชร์ลูกโซ่ ลักษณะฉ้อโกงประชาชน สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่ Line @checkdidsi เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านต้องตกเป็นเหยื่อของขบวนการ และในปัจจุบันนี้ระบบ checkdidsi ได้มีประชาชนเข้าไปใช้บริการมากกว่า 4,000 ราย.