เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการบุกค้นนาฬิกาหรูของบอสพอล โดยแสดงความมั่นใจว่าการที่ดีเอสไอค้นเจอนาฬิกาหรูของบอสพอลในห้องเช่าว่า เป็นการจัดฉากแบบ 100% แต่สิ่งที่ตนสงสัยมากกว่านั้น ว่าทำไมเขาเลือกที่จะแจ้งดีเอสไอ เพราะต้องการให้ดีเอสไอเป็นคนทำคดีหรือไม่ พอแบบนี้เราคิดว่ามันเกิดความเคลือบแคลงสงสัย และคนที่เผยแพร่ภาพออกมาน่าจะเป็นดีเอสไอด้วย และได้ตรวจเช็กหรือไม่ว่านาฬิกาเป็นของปลอม มันจะมีปัญหาตอนการประมูลของกลางอีก เพราะเคยมีประเด็นนี้เกิดขึ้นและมีปัญหา

นายไผ่ ยังเปิดเผยด้วยว่า การเคลือบแคลงสงสัยทั้งหมด ตนได้คุยกับนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ด้วย ตอนนี้ กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคดูเรื่องนี้อยู่ โดยวันพฤหัสบดีที่ 31 ต.ค. จะเรียกดีเอสไอมาชี้แจง เรื่องที่เข้าไปค้นในห้องเช่าดังกล่าว เพราะมันทำให้เกิดความไม่สบายใจ และตนได้ประสานทีมงานนายกรัฐมนตรี เพราะมันมีความไม่สบายใจของภาคประชาชน เนื่องจากเหมือนหน่วยงานแย่งกันทำคดีหรือไม่ ทั้งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีนี้ค่อนข้างละเอียด และจำนวนผู้เสียหาย 7,000 กว่าคน มันค่อนข้างสูง แล้วดีเอสไอจะทำไหวหรือ กลัวว่ารับไปทำแล้วจะช้ากว่าเดิม

ล่าสุด ตนได้ประสานไปทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เขาก็ทำงานคืบหน้าค่อนข้างเร็ว ประชาชนเห็นความชัดเจนมากขึ้น ผู้ต้องหา บอสพอล ทำได้ขนาดนี้ เขาคิดอะไรมา แล้วเขาจะโยกเพื่ออะไร

เมื่อถามว่าจุดประสงค์ของบอสพอล ต้องการให้ดีเอสไอทำคดีใช่หรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า ตนไม่รู้ แต่ตนสงสัย ว่าทำไมเขาต้องจัดฉากแบบนี้ และต้องแจ้งไปทางนั้น เพื่อจะดึงคดีไปทางนั้นหรือไม่ แล้วถ้าย้อนกลับไป คลิปที่ออกมามันมีบางส่วนที่บอกว่ามีคนอยู่ในนั้น เราก็ต้องถามกลับว่าสรุปมีหรือไม่มี ต้องเกาะติดเรื่องนี้ เพราะตนกลัวหลุด

เมื่อถามย้ำว่าดีเอสไอมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับบอสพอลด้วยใช่หรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า เดี๋ยวเราจะใช้ กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคทำให้เรื่องนี้กระจ่าง และตนขอให้การบ้านดีเอสไอไปเลยว่าต้องมาตอบในเรื่องนี้

ส่วนการจัดฉากแบบนี้ บอสพอลไม่ใช่คนธรรมดาใช่หรือไม่ นายไผ่ กล่าวทันทีว่า “มันเป็นการจัดฉากอยู่แล้ว วันนี้มันต้องจัดฉากอยู่แล้ว ไปเช่าบ้านหลังหนึ่ง แล้วคุณเอารถพอร์ชไปเช่า ให้บอสพอลมาเอง โอ้โฮ มันการ์ตูนนะ แล้วคนที่คิดขนาดนี้ได้มันยิ่งหนักกว่าเดิม จะฟ้องผมว่าผมบอกว่าจัดฉากก็ได้ แต่ผมว่าจัดฉาก ไปฟ้องเลย และเรื่องพระทองคำ ให้ไปตรวจเช็กให้ดี วันนี้ต้องติดตาม เป็นเรา เราเอ๊ะไหมล่ะ”

นายไผ่ ย้ำว่า คุณไปแจ้งความกับตำรวจว่ายึดโทรศัพท์ แสดงว่าคุณต้องมีปัญหาแล้ว คุณต้องการจะเบี่ยงประเด็นหรือไม่

เมื่อถามว่าคีย์แมนคนสำคัญที่เดินเกมอยู่ข้างนอก ต้องเป็นระดับไหน นายไผ่ กล่าวว่า ตนไม่รู้แต่จะไปพูดไม่ได้ว่าเขาวางแผนไว้ก่อน แต่อย่าลืมว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะเข้าไป

เมื่อถามว่าเขาต้องรู้มาก่อนใช่หรือไม่ว่าจะถูกจับ นายไผ่ กล่าวว่า เขาต้องรู้สิ เพราะไปเปิดห้อง 3,000-6,000 แล้วเอาของไปวาง ถ้าเป็นของจริงมูลค่ามันหลายสิบล้าน

เมื่อถามว่าประสานนายกรัฐมนตรีไปแล้ว นายกรัฐมนตรีว่าอย่างไรบ้าง นายไผ่ ระบุว่า เป็นการประสานทีมงานเพื่อให้ดูเรื่องนี้หน่อย เพราะไม่ต้องการให้เรื่องนี้เข้าหาผู้ต้องหา

เมื่อถามว่าจัดฉากแบบนี้สุดท้ายจะรอดใช่หรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า คนสู้คดีถ้าเขาไม่คิดว่าเขาจะรอด เขาจะสู้ทำไม และจะพูดว่าเขาไม่รอด 100% เป็นไปไม่ได้

เมื่อถามถึงกรณีคลิปเสียงของนักการเมือง ส. เจ้าของเสียงจะไปแจ้งความเอาผิดคนดักฟังวันนี้ นายไผ่ กล่าวว่า รอดูอยู่ ก่อนจะย้ำว่า เรื่องนี้แบ่งเป็น 2 แท่ง แท่งแรกเป็นเรื่องผู้เสียหาย และแท่ง 2 คือเรื่องการรับส่วย ตนยืนยันว่าจะตามทั้งคู่ เพราะเกี่ยวพันกัน

เมื่อถามว่าเรื่องส่วยมีความคืบหน้าหรือไม่ เพราะเริ่มมีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง นายไผ่ กล่าวว่า ตนได้พูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่าถึงไหนเอาให้ถึงนั่น แต่ถ้าไม่ถึงก็ต้องบอก เพราะจะไปให้ความผิดเขาไม่ได้ เพราะดูจากสื่อ คนที่ออกมาเปิดเรื่องราวตอนนี้ก็หิวแสงเยอะ เวลาพูดก็เว่อร์ และจำเป็นต้องให้ความเป็นธรรมกับนักการเมือง ไม่เช่นนั้นสถาบันการเมืองจะเสียหาย

เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐนัดคุยเรื่องนักการเมือง ส. วันที่ 29 ต.ค. ช้าเกินไปหรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดถึง

นายไผ่ ยังกล่าวถึงบอสพอลว่า ตนบอกแล้วว่าแผนการเขาเยอะ และเมื่อดูในคลิปแต่ละคลิปที่ออกมา ตนต้องถามว่าคนธรรมดาที่ไหนใส่หูฟังอัด 7 ชั่วโมง วันนี้นักการเมืองที่สภาเขาบอกว่า ถ้าจะคุยกันคงต้องคุยกันในสระว่ายน้ำ ไปแช่น้ำคุยกัน ดังนั้นตนมองว่ามันเตรียมการมา วันนี้พี่หนุ่ม กรรชัยก็น่าพูดไปเยอะแล้ว