เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่โรงแรมสุขะ พนมเปญ ประเทศกัมพูชา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย และคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 8 ภายใต้หัวข้อ “การเสริมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน และครอบคลุมในพื้นที่ชายแดน” โดยทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และยืนยันที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ และความร่วมมือในทุกมิติระหว่างจังหวัดชายแดนของทั้งสองประเทศ รวมถึงการเสริมสร้างพรมแดนร่วมกันที่สงบสุขมีมิตรภาพ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศ

โดยการประชุมเน้นย้ำ การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาในหลายด้าน โดยสะท้อนผลสำเร็จสำคัญของคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2565 และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ

โดยการประชุมเน้นย้ำการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา 10 ด้าน  ดังนี้

ประกอบด้วย  1. ด้านการข้ามแดน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างการปฏิบัติตามความตกลงระหว่างกันและกระตุ้นให้หน่วยงานจังหวัดชายแดนร่วมมือในการควบคุมการข้ามพรมแดน  2. ด้านความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนบริเวณชายแดน ส่งเสริมการค้าชายแดน การนำเข้า-ส่งออกสินค้าทางการเกษตรอำนวยความสะดวกในการขนส่งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรข้ามแดน โดยเฉพาะในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว  3.ด้านอุตสาหกรรม สนับสนุนนักลงทุนของสองประเทศที่ดำเนินกิจการในจังหวัดชายแดน 

4.ด้านการคมนาคมขนส่ง เสริมสร้างและขยายความร่วมมือ เชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน ตั้งด่านชายแดนในพื้นที่ชายแดนที่มีศักยภาพ พัฒนาบริการขนส่งสินค้าทางรถไฟข้ามแดนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนด้านการคมนาคมขนส่ง  5. ด้านความร่วมมือด้านการเกษตรบริเวณชายแดน อำนวยความสะดวกในการค้าขายสินค้าทางการเกษตรของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณตามแนวชายแดน  6.ด้านความร่วมมือด้านแรงงาน ฝ่ายกัมพูชาได้ขอบคุณที่ไทยยกเว้นค่าธรรมเนียมกลับเข้าประเทศ สำหรับแรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.67-15 พ.ค. 2567    

7.ด้านจุดผ่านแดน  จะเร่งรัดเปิดจุดผ่านแดนที่ยังคงเหลืออยู่ และพิจารณายกระดับจุดผ่านแดนใหม่ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแก้ไขความแออัดบริเวณจุดผ่านแดน 8.ด้านการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ทั้งสองฝ่ายยืนยันในเจตนารมณ์ ที่จะไม่นำเอาประเด็นเส้นเขตแดนมากระทบความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ  9.ด้านการลักลอบตัดไม้โดยผิดกฎหมาย ร่วมมือป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า อาชญากรรมที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติตามบริเวณชายแดน และด้านการป้องกัน และ 10. การปราบปราม อาชญากรรมบริเวณชายแดน ขยายความร่วมมือด้านความปลอดภัย ความเป็นระเบียบ และความมั่นคงเพื่อรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความปลอดภัยของทั้งสองประเทศ  ย้ำถึงจุดยืนร่วมกัน ที่ไม่อนุญาตให้ผู้ใดใช้ดินแดนของทั้งสองฝ่ายแทรกแซงกิจการภายในต่อกัน หรือใช้ดินแดนเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมคุกคามความมั่นคงของอีกฝ่าย รวมถึงประเทศอื่นด้วย

นอกจากนี้ที่ประชุมได้หารือความร่วมมือด้านอื่น ๆ ระหว่างจังหวัดชายแดนของทั้งสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ท้องที่ และท้องถิ่น ประชุมหารือร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ สลับกันเป็นเจ้าภาพ โดยความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน ท้องที่ และท้องถิ่นของทั้งสองประเทศ ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายแสดงความยินดีอย่างยิ่งในโอกาสครบรอบ 75 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ในปี พ.ศ.2568

ในช่วงท้ายของการประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของทั้งสองประเทศได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมของการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 8 ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้การประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาครั้งที่ 9 จัดขึ้นที่ราชอาณาจักรไทย

“การประชุมครั้งนี้ไทยจะได้ประโยชน์จากความร่วมมือของสองประเทศ ถ้าเราเปิดด่านเข้าออกตามจุดต่างๆ ได้มากเท่าไหร่ ก็จะมีคนเข้ามาซื้อข้าวของ ค้าขาย การป้องกันปราบปรามยาเสพติด ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลไทย เห็นตรงกันโดยกระทรวงมหาดไทยของทั้งสองรัฐบาล มีความเข้มงวดเข้มข้นในการป้องกันปราบปราม ซึ่งจะเห็นว่าปริมาณยาเสพติดที่มาทางชายแดนไทย-กัมพูชา มีการป้องกันปราบปรามได้อย่างดี นอกจากนี้ ยังจะให้มีความร่วมมือกันมากขึ้นในส่วนของการป้องกันอาชญากรรมทางออนไลน์ และคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งกัมพูชาก็ให้ความสำคัญมากเช่นกัน” นายอนุทิน กล่าว.