@ความ”ง่อนแง่น” ของ”รัฐบาล”ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็น”แกนนำ”และมี””แพทองธาร ชินวัตร” ที่เป็น”ดีเอ็นเอ” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” เป็น”นายกรัฐมนตรี” ที่บน”เส้นทาง” ทาง”การเมือง” ซึ่งผ่านมาเพียง 2 เดือน  แต่ยาวนานเหมือน “ 2 ปี” และ”ถนนการเมือง” ของ” แพทองธาร ชินวัตร” ก็”ขรุขระ” เต็มไปด้วย”หลุมบ่อ”และ”ขวากหนาม” ที่ไม่ใช่ถนนที่เป็น”คอนกรีตเสริมเหล็ก” ……เมื่อมาเจอกับ”มรสุม”ลูกใหญ่คือเรื่องที่”กกต.” รับเรื่อง”ร้องเรียน” ของ”นักร้อง” ในประเด็นความผิดเรื่อง”ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี”ครอบงำ”พรรคเพื่อไทย ซึ่งหาก”กกต.”มี”พยานหลักฐาน” ว่า”ทักษิณ” มีการ”ครอบงำ”จริง นอกจากพรรคเพื่อไทยจะต้อง”ถูกยุบ” แล้ว พรรคร่วมรัฐบาลอีก 6 พรรค ก็ต้อง”พลอยฟ้าพลอยฝน” ที่”ติดร่างแห่” มีความผิดจนถึงขั้น”ยุบพรรค”ไปด้วยเช่นกัน “มรสุม” ลูกนี้ อย่าคิดว่าจะ”ก้าวผ่าน” ไปได้ง่าย หรืออย่าคิดว่าเมื่อ”กกต. หยิบเอา”ประเด็น” เรื่องการ”ครอบงำพรรค” มาทำการ”ไต่สวน สืบสวน” แล้ว จะช่วยทำการ”ฟอกขาว” ให้กับ”พรรคเพื่อไทย” ได้ง่ายๆ เพราะ ทุกประเด็น ทุก”บริบท” ในการทำหน้าที่ของ”กกต.” ล้วนอยู่ใน”สายตา” ของ”นักร้อง” และ”นักกฎหมาย” รวมทั้ง”ประชาชน”ทั้งประเทศ……

@ถ้าเรื่องนี้ไม่”หนักหนาสาหัส” จริง” ทักษิณ ชินวัตร” คงจะไม่”เปิดบ้านจันทร์ส่องหล้า” หรือเปิด”ถ้ำเสือ”” ให้”เสี่ยหนูอนุทิน ชาญวีรกุล”  หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีมหาดไทย” ทำการ”จูงมือ”เสี่ยเน” หรือ” เนวิน ชิดชอบ”  ครูใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นผู้มี”บารมี”ของพรรคภูมิใจไทย เข้าไป”รื้อฟื้นความหลัง” เพื่อหาทางที่จะให้”รัฐบาลไปต่อ”หากเกิด”อุบัติเหตุ” เกิดขึ้นกับ”พรรคเพื่อไทย” และ”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เป็นการหา”ทางลง” และ”ทางออก” ไว้ล่วงหน้า จนทำให้”กูรูทางการเมือง” ทำการ”จับจ้อง” ไปยัง” อนุทิน ชาญวีรกุล”  ในฐานะของ”นายกรัฐมนตรี” คนที่ 3 หากไม่มีการ”ยุบสภา” แต่”กูรูการเมือง” ส่วนใหญ่ เชื่อว่า” ไม่มีนายกรัฐมนตรี” คนที่ 3 ที่มาจาก”พรรคการเมืองอื่น”ที่ไม่ใช่คนของ”พรรคเพื่อไทย” โดยเชื่อว่า”อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร” เดินไป”สุดทาง” แค่ไหน ก็จะจบแค่นั้น และ”ทางออก” คือการ”ยุบสภา” เพื่อ”เลือกตั้งใหม่”……

@เมื่อ “รัฐบาล” ไม่มี”เสถียรภาพ” เพราะปัญหา”การเมือง” จึงไม่ต้อง”มุ่งหวัง” ที่จะเห็นการ”เดินหน้า” ในเรื่องของ”เศรษฐกิจ” เพราะอย่าว่าแต่”นักลงทุนต่างชาติ” ที่จะมา”ลงทุน” ในประเทศไทย แม้แต่”นักลงทุน” ที่เป็น”คนไทย” ก็ยัง”คิดแล้วคิดอีก” ในการที่จะ”ลงทุน” เพราะความ”ง่อนแง่น” ความ”ไม่มั่นคง” ของ”การเมือง….ดังนั้น “นักลงทุน” ที่ยังมา”ลงทุน” ในประเทศไทย จึงมีเพียง”คนจีน” กลุ่มทุนจีน” ที่เดินทางเข้ามา”ซื้อที่ดิน” ซื้อ”สินทรัพย์” ที่มีราคาถูก เพราะ”เศรษฐกิจ” ที่”ตกต่ำ” เพราะ”คนจีน” ชอบที่จะ”ฉวยโอกาส” บุกประเทศ ที่มีปัญหา”เศรษฐกิจตกต่ำ” เพื่อจะได้ใช้ความ”ได้เปรียบ” เพราะสามารถ”ใช้ทุนใหญ่” ในการ”ไล่ทุบทุนเล็ก” ส่วน”ทุนเล็ก” ก็ถูก”ไล่กระเจิง” จน “ล้มหายตายจาก” ไปจาก”วงการธุรกิจการค้าการลงทุน” เช่นเดียวกับ”ประเทศไทย” ในยามนี้ที่เต็มไปด้วย”ทุนจีน” ที่เข้ามา”ยึดกิจการ”ต่างๆ ตั้งแต่”อุตสาหกรรม” ขนาดใหญ่จนถึง”การค้าขายทางออนไลน์” และแม้แต่”ร้านก๊วยเตี๋ยว” ก็กลายเป็นของ”คนจีน” ไปหมดแล้ว  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่” กระทรวงทบวงกรม” ที่รับผิดชอบ ยังหาหนทางในการ”แก้ไข” ไม่ได้ และ”รัฐบาล” ก็ยังไม่ให้ความ”สำคัญ” ในการแก้ปัญหา เพราะ “รัฐบาล” หมดเวลาไปแต่ละวัน กับเรื่องการ”แก้ปัญหาทางการเมือง”……

@จำกันได้ไหม  ครั้งที่”เศรษฐา ทวีสิน” เป็น”นายกรัฐมนตรี” ทีมงาน”เศรษฐกิจ” ของ”พรรคเพื่อไทย” ทุกคน ต่างออกมาบอก”ประชาชน” เป็น”เสียงเดียวกัน” ว่า ถ้านโยบาย”เงินดิจิตัล” ไม่สามารถทำได้ “เศรษฐกิจไทย” จะ”วิกฤติหนัก” การ”กระตุ้นเศรษฐกิจ” เพื่อ”ฟื้นคืนชีพ” ของ”ประเทศไทย” ต้อง”แจกเงิน” ผ่าน”โครงการเงินดิจิตัลวอลเล็ต” เท่านั้น ไม่สามารถใช้วิธีการอื่นๆ แม้แต่การ”แจกเงินสด” เพราะการ”แจกเงินสด” ไม่สามารถทำให้เกิด”พายุหมุน”” ทาง”เศรษฐกิจ”เกิดขึ้น ที่บรรดา”รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง” ต่าง”ยืนยัน”ว่า ถ้าไม่มีนโยบาย”ดิจิตัลวอลเล็ต” เศรษฐกิจไทยจะ”ไม่ฟื้น”…..แต่ สุดท้ายการ”แจกเงินเฟสแรก” ให้”ประชาชน” ผู้ถือ”บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” คนละ 10,000 บาท ก็แจกเป็น”เงินสด” และการ”แจกเงิน” ใน”เฟสที่สอง” ที่จะมีการแจกในเร็วๆนี้ก็จะเป็นการ”แจกเงินสด” เช่นเดียวกับการแจก”เฟสแรก”  ทั้งหมด”บ่งบอก”ให้”ประชาชน”ได้”รับรู้” ใน”สองเรื่อง” ด้วยกัน เรื่องแรก”เศรษฐกิจไทย” ไม่ได้”ตกต่ำ” จริงๆอย่างที่” “นักการเมือง” โดยเฉพาะใน”กลุ่มก้อน” ของ”รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง” บอกกับประชาชน  เพราะ”รัฐบาล” เดินทางมาเป็น”ปีที่สอง” แล้ว และโครงการ”แจกเงินดิจิตัล” ก็ไม่มีแล้ว แต่”เศรษฐกิจไทย” ก็ยัง”ไปต่อได้” ยังไม่ได้”ล้มละลาย” แต่อย่างใด ส่วนประเด็นที่สอง  แสดงว่าที่ผ่านมา”ประชาชน” ถูก”นักการเมืองหลอกลวง” ในเรื่องของ”เศรษฐกิจ” โดยต้องการที่จะทำโครงการ”แจกเงินดิจิตัล” ด้วยการ”หลอกว่า” ถ้าไม่มีการใช้”นโยบายแจกเงินดิจิตัลวอลเล็ต” ประเทศไทยจะต้อง”ล้มละลายทางเศรษฐกิจ และ”เงินดิจิตัล” เป็น”ยาวิเศษ” ในการ”ชุบชีวิต” ของ”ประเทศไทย ทั้งหมดคือเรื่องการ”หลอกลวง” ประชาชน เพื่อ”ผลประโยชน์” ของ”โครงการดิจิตัลวอลเล็ต” ตามที่มีการ”วิพากษ์วิจารณ์” ถึงเรื่อง”ผลประโยชน์ทับซ้อน” มาโดยตลอด……

@เรื่องความเดือดร้อนของ”เกษตรกร” ผู้เลี้ยงโคเนื้อ” และโคพื้นเมือง” ในประเทศไทย ที่”ราคาตกต่ำ” จน “เกษตรกร”จำนวนมากกำลัง”ถอนใจ” เลิกอาชีพการ”เลี้ยงโคเนื้อโคพื้นบ้าน” กลายเป็นว่า”คนไทย” จะหมดอาชีพไปอีกอาชีพหนึ่ง เพราะ”รัฐบาล” เพราะ”กระทรวงเกษตรสหกรณ์” และ” กระทรวงพาณิชย์” เป็นสองกระทรวงที่”อ่อนหัด” รวมทั้ง”ไม่รู้ร้อนรู้หนาว” กับความ”เดือดร้อน” ของ”เกษตรกร” ที่ปล่อยให้”วัวเถื่อน” จาก”ประเทศเมียนมา” เข้ามา”ตีตลาด”ในประเทศโดย”พ่อค้า” ซื้อ”วัวเถื่อน” จากประเทศเพื่อนบ้านใน”ราคาถูก” และ”ศุลกากร” ยังปล่อยให้มีการนำ”เนื้อเถื่อน” จาก”ต่างประเทศเข้ามา”ตีตลาด” จนกลายเป็นการ”ทำลายอาชีพ”การ”เลี้ยงโคเนื้อโคพื้นบ้าน” ของเกษตรกรไทย” ไปโดยปริยาย…..” กึ๊น” ของ”เสนาบดี” ของ”กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” และ”กระทรวงพาณิชย์ของ”รัฐบาลไทย” กับ”รัฐบาลลาว “และ “รัฐบาลเมียนมา” ที่มีการทำสัญญากับ”ประเทศจีน” ในการ”ส่งออก” โคเนื้อไปยัง”ประเทศจีน” ที่”รัฐบาลจีน” ให้”โควต้า” ทั้ง สองประเทศ” ประเทศละ 500,000 ตัว ต่อปี ส่วน “ประเทศไทย” มีการ”เจรจา”กับ”รัฐบาลจีน” ขอ”โควต้า” ส่งออกไป”ประเทศจีน” ปีละ 100,000 ตัว ผ่านมาแล้วกี่ปี ผ่านมาแล้วกี่รัฐบาล ยังไม่มีความ”คืบหน้า” จาก”รัฐบาลจีน” ก็ไหนว่า”จีน-ไทย” เป็น”มิตรประเทศ แต่ทำไม”เมียนมา-สปป ลาว” จึงได้ สิทธิจาก”รัฐบาลจีน” นี่เป็นเรื่องที่”รัฐบาล” ต้องถามตนเอง…..และที่สำคัญ วันนี้”ประเทศมาเลเซีย” มิตรประเทศทางตอนใต้ของไทย “สั่งแบน” 5 บริษัท”ส่งออก” โคกระบือ” ของ”ประเทศไทย” ทำให้”ไทย” ต้อง”เสียตลาดการส่งออก” ไม่สามารถ”ส่งออก”โคเนื้อ โคพื้นบ้าน”ได้ โดยอ้างเรื่องของ”โรคระบาด” แต่ทำไมที่”ชายแดนสุไหงโก-ลก” จ.นราธิวาส “รัฐบาลมาเลเซีย” จึงเปิด”ไฟเขียว” ให้”ขบวนการค้าวัวเถื่อน” ส่ง”วัวเถื่อน” ที่”นำเข้า” จาก”ฝั่งเมียนมา โดยไม่มีการ”ตรวจโรค” การ”ส่งออก” คือการ”ต้อนวัวเป็น” ข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก ข้ามไป”ฝั่งมาเลเซีย” นี่ก็เป็น”คำถาม” ต่อ”รัฐบาลไทย” และ”รัฐบาล”ของ”มาเลเซีย” ถึง เรื่องที่เกิดขึ้น  ……

@วันนี้ ประเทศไทย กำลังสูญเสียอาชีพที่ทำมาตั้งแต่”บรรพบุรุษ” นั้นคืออาชีพ” เลี้ยงโคกระบือ” ให้กับ”ประเทศเพื่อนบ้าน” ที่ไม่ต่างกับที่”ประเทศไทย” ต้องสูญเสียอาชีพ”การทำการประมง” ที่เป็นอาชีพที่ทำมาตั้งแต่”ปู่ย่าตายาย” ที่สุดท้าย “รัฐบาล” ต้องทำตาม”คำสั่ง” ของ”สหภาพยุโรป” ที่ใช้”กฎหมายไอยูยู” เล่นงานจน”ชาวประมง” นำเรือออก”จับปลา” ไม่ได้ ต้อง”ขายเรือ” ให้กับ”กรมประมง” เพื่อไปหาอาชีพอื่นๆทำแทน แต่ “วิบากกรรม” ยังไม่หมด เพราะเรือที่”เข้าโครงการ” เพื่อ”เลิกอาชีพประมง” ผ่านมาแล้ว 3-4 ปี ที่นำเรือมา”จอดเทียบท่า” จนเรือหลายลำ”ผุพังจมลงสู้ก้นทะเล” ก็ยังไม่ได้รับเงิน”ค่าเรือ” จาก”กรมประมง” กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” แต่อย่างใด มีการ”เรียกร้อง” ต่อ”กรมประมง” ต่อ”รัฐบาล” มาเป็นระยะๆ แต่คำตอบคือยังรอ”งบประมาณ” ล่าสุด ชาวประมง จ.ปัตตานี” ยื่นหนังสือ”ร้องเรียน” ในเรื่องดังกล่าวกับ” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง”  เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ไปบอกกับ”รัฐบาล” ถึงความ”เดือดร้อน” ของ”เจ้าของเรือ” ซึ่งเป็นการ”เรียนร้อง” และ”ร้องเรียน” ครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้แล้ว”อนาถนะ” กับเรื่องที่เกิดขึ้น แค่”งบประมาณ” ไม่เท่าไหร่ ทำไม”รัฐบาล” จึง”นิ่งดูดาย” ต่อความเดือดร้อนของ”ประชาชน” ก็ไหน “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี บอกกับคนทั้งประเทศว่า” เพื่อไทยมา” คนไทยจะมี”ศักดิ์ศรี” จะต้องอยู่ดี กินดี ไม่ใช่หรือ แล้วนี้ทำไม”เจ้าของเรือ” จึงต้องอยู่อย่าง”เสดสา” ต้องออกมา”เรียกร้อง” ขอความ”เห็นใจ” จาก”รัฐบาล” เป็นระยะๆ……

@ภาคใต้ คนใต้ ก็ไม่น้อยหน้ากว่าคนใน”ส่วนกลาง” ที่ตก”เป็นเหยื่อ” ของ”กลุ่มบอสต่างๆ” ของ”ดิไอคอน” ที่วันนี้”เหยื่อ” ที่”สูญเงิน” จากการ”ส่งเสริมการขายสินค้าทางออนไลน์” จนสุดท้ายกลายเป็นการ”หาลูกค้า” ให้กับ”ดิไอคอน” และกลายเป็น”แชร์ลูกโซ่” จาก จ.สุราษฎร์ธานี,นครศรีธรรมราช,พัทลุง,ตรัง จนถึง สงขลา พบมีผู้อยู่ใน”ข่าย” การ”ถูกหลอกลวง” ออกมา”แจ้งความ”กับ”ตำรวจ” มากๆขึ้น ซึ่งเชื่อว่าความ”สูญเสีย” ต้องมากกว่า 1,000 ล้าน เพราะแม้แต่ในพื้นที่ซึ่งเป็นอำเภอเล็กๆ อย่าง”กระแสสินธุ์, บางกล่ำ” และ”คลองหอยโข่ง” จ.สงขลา ก็ยังมีผู้”เสียหาย” ผู้ที่ตกเป็น”เหยื่อ” ของ”ดิไอคอน” ทางหนึ่งเกิดจากการ”หลงเชื่อ” ในการ”โฆษณาชวนเชื่อ” จาก”ดาราชื่อดัง” รวมทั้งจาก” พระสงฆ์องคเจ้า” ที่เป็นผู้ที่”น่าเชื่อถือ”ของคนทั่งประเทศ และส่วนหนึ่งเป็นเพราะ”ช่องทางทำมาหากินตีบตัน” และเชื่อว่าการ”ค้าขายทางออนไลน์” เป็น”ช่องทาง”ในการ”ทำเงิน” เป็น”ธุรกิจใหม่” ของผู้”แสวงหาโอกาส” จึง”กระโจน” ลงไปสู่”หุบเหว” ของความ”หายนะ” วันนี้”ตำรวจ” กำลังทำงานอย่าง”รวดเร็ว” เพื่อนำเอาผู้”ต้องหา”มาสู่”ขบวนการของกฎหมาย” และการ”ยึดทรัพย์” เพื่อนำไปสู่การ”เยียวยา” ผู้ที่ได้รับความ”เสียหาย” แต่ถึงทางหนึ่งที่ต้องการทราบคือ ยังมี”บริษัทอีกมากมาย” ที่เป็นเหมือนกับธุรกิจของ”ดิไอคอน” ที่ยัง ดำเนินการอยู่ ซึ่ง”หน่วยงานที่รับผิดชอบ” ต้องเร่ง”ป้องกัน” ก่อนที่จะเกิดปัญหาอย่าง”ดิไอคอน” ประเด็นนี้คือ ประเด็นที่สำคัญ ที่ต้องมีการ”ล้อมคอกก่อนวัวหาย” ไม่ใช่เรื่องของ”วัวหายแล้วล้อมคอก” อย่างที่เกิดขึ้น……

@ค่าแรง 400 บาท คือ”ความหวังหนึ่ง” ของ”ผู้ใช้แรงงาน” ซึ่ง “กระทรวงแรงงาน” โดย” พิพัฒน์ รัชกิจประการ” เสนาบดีกระทรวงแรงงาน” พยายาม แล้ว 2 ครั้งในการเรียกประชุม”ไตรภาคี” แต่ก็”ล้มเหลว” เพราะมีการ”เล่นเกม” จาก”บางฝ่าย” และ ขณะนี้ก็ไม่สามารถเรียกประชุมครั้งใหม่ได้ เพราะมีการ”โยกย้าย” และ”แต่งตั้ง”อธิบดี”ใหม่ในหลายกรมของกระทรวงแรงงาน และยังต้องรอคำตอบจาก”ธนาคารแห่งประเทศไทย” เพื่อให้”ยืนยัน”ว่า “ตัวแทนของแบ็งก์ชาติ” ยังเป็น”กรรมการ”หนึ่งในห้า ของกรรมการหรือไม่ ซึ่งในการ”ตอบกระทู้ถาม” ของ”พิพัฒน์ รัชกิจประการ” เสนาบดีกระทรวงแรงงาน ต่อ”วุฒิสมาชิก รัฐสภา ยังยืนยันว่า “กระทรวงแรงงาน” จะดำเนินการ ประชุม”ไตรภาคี” เพื่อ “ผลักดัน” ให้มีการ”ประกาศใช้ค่าแรง” วันละ 400 บาท ให้ได้……

@ในห้วงที่เกิด”อุทกภัย”ของ”ภาคเหนือ” และ”ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ทำให้”ขบวนการลำเลียงยาเสพติด” ทั่ง”ยาบ้า”และ”ยาไอซ์” รวมทั้ง” เฮโรอิน” ลงมายัง”ภาคใต้” ลดจำนวนลงเป็นอันมาก แต่ “หลังน้ำลด” ขบวนการค้ายาเสพติด กลับมา”คึกคัก” เหมือนเดิม เพราะมี”ออร์เดอร์” ค้างอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ หน่วยงานที่”รับผิดชอบ” ในการ”ปราบปราม” และ”จับกุม” ยังไม่มีการ”ตื่นตัว” และไม่มีการ”ปฏิบัติการ” อย่าง”เข้มข้น” ทั้งที่”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้การ”ปราบปรามยาเสพติด” เป็น”วาระแห่งชาติ” เรื่องนี้” พล.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร “ ผบ.ตร. ต้องมีการ”ติวเข้ม” ตำรวจภาคใต้ โดยเฉพาะใน “จังหวัดชายแดนภาคใต้” ซึ่งเป็น”ปากประตู” ในการ”ลำเลียงยาเสพติด” ข้ามไปยัง”ประเทศที่สาม” ให้มี”แผน” ในการ”ปราบปรามยาเสพติด”ให้สมกับคำว่า” วาระแห่งชาติ” จริงๆ…..เช่นเดียวกับเรื่องของ”ขบวนการค้าคนเถื่อน” ที่ วันนี้”เป็น”ฤดูกาล”ในการนำ”ชาวโรฮิงยา” จาก” ประเทศเมียนมา มายัง ประเทศไทย และ ส่วนหนึ่งมี”ปลายทาง” ที่”ประเทศมาเลเซีย ล่าสุด”ชาวโรฮิงยา” ที่”ซ่อน”มากับรถ”บรรทุกตู้ทึบ” ถูกตำรวจจับได้ที่ จ.ชุมพร และตรวจพบว่ามี”ชาวโรฮิงยา”  เสียชีวิต เพราะ”ขาดอากาศหายใจ” จำนวนมาก เรื่องนี้ นอกจาก” ตำรวจท้องที่” ที่ต้อง”เข้มงวดกวดขัน” กับการ”ค้ามนุษย์”แล้ว” พล.ต.ต.ทรงโปรด สุขศิริ” ผบก.ตม. 6 ซึ่งรับผิดชอบ “ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง” ต้องมี”นโยบาย” ในการ”ป้องกัน” และ”ปราบปราม” ที่ต้อง”เข้มข้น” กว่าเดิม โดยเฉพาะ พื้นที่ ซึ่งเป็นแหล่ง”หลบซ่อน” ของ”แรงงานเถื่อน” ใน อำเภอต่างๆ ทั้งใน จ.สงขลา และ จ.นราธิวาส ที่ต้องมีการ”ทลาย”ให้”สิ้นซาก” เพราะไม่ใช่เรื่อง”ยากเย็น” แต่อย่างใด แต่ที่พื้นที่เหล่านั้นยังเป็นที่”หลบซ่อน”ของ”แรงงานเถื่อน” และเป็นที่ถูกจับกุมอย่าง”ซ้ำซาก” เป็นเพราะมีการเรียกรับ”ผลประโยชน์” จาก”เจ้าหน้าที่” ใช่หรือไม่…..

@เรื่อง”ซ้ำซาก” แต่เป็นปัญหาใหญ่ของ”ประเทศ” นั้นคือเรื่องของ”ไฟใต้” หรือเรื่องของ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” ที่มี”บีอาร์เอ็น” เป็น”หัวหอก” และเบื้องหลังของ”บีอาร์เอ็น” ยังมี”องค์กรต่างชาติ” จาก”ชาติตะวันตก” เช่น”จีนีวาคอลล์” และอื่นๆ เป็น”พี่เลี้ยง” อยู่เบื้องหลัง ที่วันนี้ “ธง” หรือ”ยุทธศาสตร์” ของ”บีอาร์เอ็น” ยังใช้ความ”รุนแรง” เพื่อสร้าง”สถานการณ์”ด้วยการ”ก่อการร้าย” ในพื้นที่ของ”สามจังหวัด” และ”สี่อำเภอ”ของ”จังหวัดสงขลา” โดยเฉพาะในเดือน ตุลาคม ที่เป็นเดือนแห่ง”สัญลักษณ์”ของเหตุการณ์”ตากใบ” เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547  ที่ผ่านมาแล้ว 20 ปี แต่”เหตุการณ์ที่ตากใบ” ก็ยังเป็น”เหยื่อโอชะ” ของ”บีอาร์เอ็น” และกลุ่มนัก”กิจกรรม”ต่างๆ ที่มีความ”โน้มเอียง” ในการต้องการเห็นการ”แบ่งแยกดินแดน” ออกมา”เคลื่อนไหว” เพื่อการ”เปิดบาดแผล” แห่งความ”เกลียดชัง” ระหว่าง”ประชาชน” กับ”เจ้าหน้าที่รัฐ”เพื่อ”ถ่างช่องว่าง” ให้มากขึ้น……โดยเฉพาะ “ตุลาคม” ปีนี้ มีการ”รื้อฟื้น” นำเอาเรื่องของ”ตากใบ” มา”ฟ้องร้อง”ต่อ”ศาลจังหวัดนราธิวาส” เพื่อ”เอาผิด” กับ”อดีต”ผู้บังคับบัญชา” ต่อเหตุการณ์”ตากใบ” เมื่อ 20 ปีก่อน โดย”ศาลจังหวัดนราธิวาส” ได้”ออกหมายจับ” 7 ผู้ต้องหา เพื่อให้มา”ต่อสู้” ตาม”ขบวนการยุติธรรม” ก่อนที่ “คดีจะขาดอายุความ” ใน”เที่ยงคืน” ของวันที่ 25 ตุลาคม 2567  แต่ “เจ้าหน้าที่” ก็ไม่สามารถ”ติดตาม” นำตัวของ”ผู้ต้องหา” ทั้ง 7 คนมาได้ ซึ่ง”องค์คณะของศาลจังหวัดนราธิวาส” นัดออกนั่ง”บัลลังก์” เพื่อ “แถลงผลของคดีนี้” ในวันที่ 28 ตุลาคม เพื่อเป็นการ”ปิดคดี” หาก ไม่มี”ผู้ต้องหา” ถูกนำตัวมาสู่”ศาลจังหวัดนราธิวาส” ตามกำหนด นั้นหมายความว่าหลัง”เที่ยงคืน” ของวันที่ 25 ตุลาคม 2567 คดี”ตากใบ” ขาดอายุความ ผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน ที่”ศาลสั่งฟ้อง และ 7 คนที่ “อัยการสั่งฟ้อง” จะพ้นจากการถูก”ดำเนินคดี ตามข้อ”กฎหมาย” ซึ่ง วันนี้ ก็จะเห็นความ”พยายาม” ของ”นักกฎหมายบางคน” ที่กำลังหา”เหลี่ยม มุม” ในการที่จะ”ต่ออายุความ”ของ”คดีตากใบ” ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนว่าจะสามารถ”ต่ออายุความ”ได้ ก็ต้อง”ติดตาม”ความ”พยายาม” ของ”นักกฎหมาย” กลุ่มนี้ ว่าจะหา”เหลี่ยม มุม” อะไรมาเพื่อเป็นข้อเสนอในการ”ต่ออายุความของคดีตากใบ”…..

@แต่ที่”พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 คนใหม่ ต้องหาทาง”รับมือ” คือหลังวันที่ 25 ตุลาคม  2567 สถานการณ์ในพื้นที่อาจจะมี”ความรุนแรงเกิดขึ้น” เพราะ “บีอาร์เอ็น” จะอ้างถึง”ความชอบธรรม” ในการใช้”ความรุนแรง” ในการ”ก่อการร้าย”โดยอาศัยการ”ปลุกระดม” คนในพื้นที่ให้เกิด”อารมณ์ร่วม” ว่าเป็น”ความไม่เป็นธรรม” ที่ชาวบ้านใน อ.ตากใบ” จ.นราธิวาส ได้รับ จากการที่”ผู้ต้องหาทั้งหมด” พ้นจากการถูก”ดำเนินคดี” และวิธีการของ”บีอาร์เอ็น” อาจจะพุ่งเป้าหมายไปยัง”กลุ่มไทยพุทธ” เพื่อจุด”ชนวน”ของความรุนแรงให้เกิดขึ้น และเป็นการ”ยั่วยุ” ให้ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ใช้”กำลัง”เข้า”จัดการ” กับ”กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น”…..สิ่งที่ต้อง ระวัดระวัง สำหรับ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า คือเรื่องของ”ปีกทางการเมือง”ของ”บีอาร์เอ็น” ที่ “ปลุกระดม” ให้”เยาวชน” ออกมา”เคลื่อนไหว” และอาจจะมี”เด็กๆ” หรือ”ทหารเด็ก” สอดแทรก เข้าไปในพื้นที่ และ”เสียชีวิต” เพื่อให้เป็น”ชนวน”ของความ”ขัดแย้ง” และนำสู่เวทีของ”สหประชาชาติ”……

@วันนี้ “บีอาร์เอ็น” มีการ”ตั้งรับ”ข้อกล่าวหา หาก”รัฐบาล” จะประกาศให้”บีอาร์เอ็น”เป็นองค์กรก่อการร้าย” สิ่งที่”บีอาร์เอ็น” จะออกมา”แถลง”เพื่อ”ต่อสู้”กับการประกาศของ”รัฐบาลไทย”คือ โปรด แสดงหลักฐานการเป็น”องค์การก่อการร้าย”ของ”บีอาร์เอ็น” ให้” ชาวโลก และ สหประชาชาติ “ รวมทั้ง” องค์กรมุสลิมโลก” หรือ”โอไอซี” ได้เห็นและเชื่อ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่”ไม่ง่าย” สำหรับการที่จะแก้ปัญหาความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการ”ประกาศให้”บีอาร์เอ็น” เป็น”องค์การก่อการร้าย” เพื่อที่จะ”ได้เปรียบ” ในการดับ”ไฟใต้” อาจจะไม่ง่าย และอาจจะ”ช้าไปแล้วก้าวหนึ่ง”…..ที่สำคัญ “รัฐบาลมาเลเซีย”เอง ก็ไม่มี”เสถียรภาพ” ทาง”การเมือง” และ มาเลเซียปกครองแบบ”สหพันธรัฐ”  โดยเฉพาะ”รัฐกลันตัน” ที่เป็น”ฝ่ายค้าน” ของ”มาเลเซีย” ซึ่งเป็นผู้ให้การ”โอบอุ้ม” ขบวนการบีอาร์เอ็น ให้อยู่ใน”รัฐกลันตัน” อย่าง”ปลอดภัย”  ถึงแม้”บีอาร์เอ็น” จะถูก”รัฐบาลไทย” ประกาศให้เป็น” องค์การก่อการร้าย” ก็ไม่ได้ทำให้”รัฐบาลกลาง” ของ”มาเลเซีย” ใช้”กฎหมาย” หรือ”อำนาจ” ในการ”บีบบังคับ” ให้”รัฐกลันตัน” ทำการ””อัปเปหิ” ขบวนการ”บีอาร์เอ็น” ออกจาก” รัฐกลันตัน” ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จ ที่สำคัญ”บีอาร์เอ็น” จะดำรงตนเป็น” องค์กรลับ” มากขึ้นก็เป็นไปได้…..

@ปิดท้ายด้วยเรื่องของ”การเมืองท้องถิ่น” ที่เป็นคำถามของคน”สงขลา” เรื่องการเลือกตั้ง”นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา” ที่ วันนี้”ทั้ง”นายกชาย” หรือ “รมช. สาสุข” เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ สส.เขต 5 สงขลา ซึ่งเป็น”บ้านใหญ่ทางการเมืองสงขลา” และ”นิพนธ์ บุญญามณี” อดีต”คีย์แมน”ภาคใต้ของ”ประชาธิปัตย์” ต่าง”เห็นพ้องต้องกัน” ว่าจะส่ง” สุพิศ พิทักษ์ธรรม” ที่ได้ยื่นหนังสือ”ลาออก” จากการเป็น”อธิบดี” กรมฝนหลวง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อ”ลุยไถ” บนสนามการเมือง ซึ่งทุกฝ่ายเห็นว่า”สุพิศ” คงได้เป็น” นายก อบจ.สงขลา” โดยไม่มี”คู่แข่ง” เพราะ”คู่แข่ง” ที่”ผลุบๆโผล่” เป็นข่าวให้เห็นมีเพียงผู้สมัครของ”พรรคประชาชน” เพียงคนเดียว…. แต่นั่นแหละเรื่องของ”การเมือง” ไม่มีอะไรที่”แน่นอน” หรือ” แน่เหมือนแช่แป้ง”  เมื่อ “ไพเจน มากสุวรรณ์” นายก อบจ.คนปัจจุบันยังไม่ยอม”โยนผ้า” ที่จะบอกว่า”ยอมแพ้” แต่”ไพเจน” กลับเดินลงพื้นที่เพื่อ”เช็คเรตติ้ง” จาก” ประชาชน” รวมทั้งหา นักการเมือง”เลือดใหม่” เพื่อลงสมัครในตำแหน่ง”ส.อบจ.แทน”คนเก่าไป”ซบตัก” ของ” สุพิศ พิทักษ์ธรรม” “ โดยการ”จัดการของ” โกถึก” หรือ”สมยศ พลายด้วย” สส. เขต 3 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์  ดังนั้นอย่างเพิ่งเชื่อว่าการ”เลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา” จะไม่มี”สีสัน”หรือจะ”เงียบเหงา” เงินจะไม่”สะพัด” และ แม้แต่ ส.อบจ.” ที่ถูกผูก”ข้อมือ” เอาไว้กับทีมของ”สุพิศ พิทักษ์ธรรม” แล้ว  ก็ยังมีการ”เปลี่ยนแปลง”ได้เช่นกัน ถ้ามีข้อเสนอที่”ดีกว่า” เพราะนั้นคือ”ธรรมชาติ” ของ”การเมืองไทย” ไม่ว่าจะเป็น”ระดับชาติ” หรือ” ท้องถิ่น” ก็ตาม ….. แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

——————————————————–

ไชยยงค์ มณีพิลึก

ประเพณีชักพระ,   พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เป็นประธานเปิดงานสืบสานมรดกภูมิปัญญา ประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่า แข่งเรือยาว ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จ.สุราษฎร์ธานี โดยมี สุคนธ์ หนูภักดี รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี และ หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน ร่วมงาน

ร่วมต้อนรับ.  พาตีเมาะ สะดียามู ผวจ.ปัตตานี และคณะ พร้อมด้วย เศรษฐ์ อัลยุฟรี  นายก อบจ.ปัตตานี  สิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ร่วมต้อนรับ ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย พร้อมคณะในโอกาสเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ จ.ปัตตานี

พบปะ.   พ.ต.ท,วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ,บต.) พบปะ ผู้ได้รับการคัดเลือกไป ปฏิบัติธรรม และศึกษาแหล่งสังเวชนีสถาน 4  ตำบล ณ ประเทศอินเดีย-เนปาล ซึ่งเป็นสถานที่ต้นกำเนิดศาสนาพุทธ รุ่นที่ 1  ณ ห้องประชุมชั้น 2 ศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา

พบผู้นำท้องที่   พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 พบกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อมอบนโยบาย นำสภาสันติสุขตำบล เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนา และ ความมั่นคง เป็นที่พึ่งของประชาชน  ณ หอประชุมวิทยาลัยชุมชน อ.เมือง จ,นราธิวาส

ประชุมนานาชาติ. ดร.กมล รอดคล้าย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา เป็นประธานเปิดการประชุมนานาชาติ “ International Conference on Interreligious Dialogue for Reconciliation and Resilience ” จัดโดย Institute of Science Innovation and Culture (ISIC) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล กรุงเทพ และ Universitas Islam Negeri Maulana Malik Ibrahim Malang พร้อมเครือข่ายสมาชิกจากกลุ่ม Southeast Asia และนานาประเทศ อาทิ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ แอฟริกา เมียนมา สวีเดน ฯลฯ   ณ Main Conference Room โรงแรมลีการ์เด้นท์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ร่วมต้อนรับ. อัมรันท์ บากา นายอำเภอกาบัง จ.ยะลา พร้อมด้วย อับดุลอาซิ ดือราแม นายก อบต.กาบัง ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ปกครอง ที่ทำการปกครองอำเภอกาบัง จังหวัดยะลา ร่วมต้อนรับและมอบกระเช้าดอกไม้ และแสดงความยินดี กับ. มูฮัมมัด ศานติภิมุข เนื่องในโอกาสย้ายมาดำรงตำแหน่ง รอง ผวจ.ยะลา ท่ามกลางบรรยากาศการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ณ บ้านพัก รองผู้ว่าราชการจังหวัด อ,เมืองยะลา

มอบเกียรติบัตร.  อำพล พงศ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา พร้อมด้วย อำนาจ ชูทอง รอง ผวจ.ประชุม นายกและปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 7 /2567 และมอบเกียรติบัตร ให้องค์กรปกครองท้องถิ่น ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับจังหวัด ณ ห้องประชุมศรียะลา ศาลากลางจังหวัดยะลา

เยี่ยมผู้พิการ.  ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส พร้อมด้วย พนาวรรณ์ โทธรรม นายกเหล่ากาชาด จ.นราธิวาส นายอำเภอตากใบ, สาธารณสุขอำเภอ และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส ลงพื้นที่เยี่ยมผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ด้อยโอกาส และ มอบถุงยังชีพของสภากาชาดไทย เพื่อเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น จำนวน 2 ราย โดยมีญาติคอยดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด ณ หมู่ที่ 2 ต,นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส

ต้อนรับ.   ตัวแทนหน่วยงานราชการ และ ประชาชน ผู้นำศาสนา  ใน จ.นราธิวาส ให้การต้อนรับ วิชาญ  ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รอง ผวจ.นราธิวาส ณ บ้านพักรองผู้ว่าราชการจังหวัด อ.เมือง จ.นราธิวาส

ตักบาตรเทโว.  อมร ชุมช่วย นายอำเภอเบตง จ.ยะลา เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ เนื่องในเทศกาลออกพรรษา ประจำปี 2567  โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและพุทธศาสนิกชน ร่วมกันทำบุญตักบาตรเทโว เพื่อเป็นการบำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี วัฒนธรรมตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ณ วัดพุทธาธิวาส พระอารามหลวง อ.เบตง  จ.ยะลา

ตรวจสอบ.   ณ สนามกีฬาทุ่งแจ้ง ต.บางรัก อ.เมืองตรัง จ.ตรัง บัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง ยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต ร่วมกับชมรมตรังต้านโกง พร้อมด้วยสื่อมวลชน ลงตรวจสอบ พื้นที่สาธารณประโยชน์ เพื่อจัดงานประเพณีลากพระจังหวัดตรังครั้งที่ 21วันที่ 18-26 ตุลาคม 2567 เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบ ขณะที่ ผอ.ป.ป.ช.ตรัง ประกาศห้ามข้าราชการเรียกรับผลประโยชน์

แนะนำ,    อนันต์ ทับอินทร์ ผอ.กลุ่มส่งเสริมสหกรณ์ 2 พร้อมด้วย นฤมล ฤทธิ์ชู นักวิชาการสหกรณ์ชำนาญการ เข้าแนะนำส่งเสริมสหกรณ์การเกษตรหาดสำราญ จำกัด และสหกรณ์การเกษตรทุ่งยาว จำกัด เกี่ยวกับการจัดทำเอกสาร รายงานประจำเดือน การแก้ไขข้อสังเกต จากการตรวจสอบของผู้สอบประจำปี พร้อมทั้งแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหา และอุปสรรคในการดำเนินงานของที่สองสหกรณ์ ณ สหกรณ์การเกษตรทุ่งยาว จำกัด อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เมื่อวันก่อน

แสดงความยินดี.  ศิร  ศรีเมฆชัยกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตรัง ร่วมแสดงความยินดีกับ วานิลดา  แจ้งวัง อพม. อ.หาดสำราญ ที่ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณอาสาสมัครดีเด่น โดยมีนายวราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณอาสาสมัครดีเด่น และองค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น เนื่องในโอกาสวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทย ประจำปี 2567 ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ แกรนด์บอลรูม ชั้น 4 อาคารศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ

เยี่ยมสวน.  ไพเจน มากสุวรรณ์. นายก อบจ สงขลา.พร้อมเกษตรอำเภอสทิงพระ. ลงพื้นที่เยี่ยมสวนมะพร้าวน้ำหอมเพื่อรับทราบปัญหาและแนวทางแก้ไข มะพร้าว ราคาตกต่ำ ณ สวนมะพร้าวน้ำหอม ม.1 ต.บ่อแดง. อ, สทิงพระ จ, สงขลา

เปิดอาคาร.  เฉลิมชัย ครุอำโพธิ์(เถ้าแก่หลี)ร่วมกับอภิชาติ สาราบรรณ์.  รอง ผวจ.สงขลา ได้ร่วมกันเปิดอาคารทันตกรรม (ครุอำโพธิ์-คงสุวรรณ์) ณ โรงพยาบาลสิงหนคร (ส่วนหน้า) อ,สิงหนค. จ,สงขลาซึ่ง  เป็นอาคารที่ เฉลิมชัย ครุอำโพธิ์ บริจาคเงินในการก่อสร้างจำนวน 30 ล้านบาท

แถลงข่าว.   อ.บรรจง ทองสร้าง ร่วมกับ ไพโรจน์ รัตนภิรมณ์ ร่วมแถลงข่าวทอดกฐินพระราชทานทางน้ำ ณ วัดท่านางหอม ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ ในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 ณ ห้องประชุมสวนประวัติศาสตร์ติณสูลานนท์. ต.พะวง. อ.เมือง จ.สงขลา