สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ว่านายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ เยือนกรุงเทลอาวีฟ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการเยือนครั้งที่ 11 ตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาปะทุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566


ทั้งนี้ บลิงเคนพบหารือกับทั้งประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซอก และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ว่าการที่อิสราเอลสามารถสังหารนายยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำสูงสุดฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส “เปลี่ยนแปลงบริบทของสงครามอย่างมาก” และ “คือการสร้างโอกาสครั้งสำคัญ” ของการคลี่คลายความรุนแรงของสงคราม และเปิดทางให้ตัวประกันที่ยังติดค้างอยู่ในฉนวนกาซา ได้รับอิสรภาพอย่างปลอดภัย


ขณะเดียวกัน บลิงเคนเน้นย้ำ “ความสำคัญและความจำเป็นอย่างเร่งด่วน” ของการเพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ประชาชนในฉนวนกาซา ตามเนื้อหาในจดหมายที่ส่งถึงรัฐบาลอิสราเอล ร่วมกับพล.อ.ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งระบุชัดเจนว่า ให้เวลาอิสราเอล 30 วัน เพื่อแก้ไขสถานการณ์ มิเช่นนั้น รัฐบาลวอชิงตันจะตัดความสนับสนุนทางทหารแก่อิสราเอล


ด้านแหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลอิสราเอล กล่าวว่า เนทันยาฮู “มีความจริงจัง” กับคำเตือนของสหรัฐในเรื่องดังกล่าว และปฏิเสธการวิจารณ์ของรัฐบาลวอชิงตัน ว่าอิสราเอลเจตนาปิดล้อมฉนวนกาซา โดยเฉพาะพื้นที่ทางเหนือ เพื่อให้ประชาชนอดอยากจนเสียชีวิต


ส่วนกลุ่มฮามาสยังไม่มีท่าทีใดเพิ่มอีก หลังออกมายืนยันการเสียชีวิตของซินวาร์ แต่มีรายงานจากวงใน ว่าอาจไม่มีการแต่งตั้งผู้นำสูงสุดคนใหม่ โดยจะเป็นการแต่งตั้งหน่วยงานที่เรียกว่า “คณะกรรมการปกครอง” ขึ้นมาแทน.

เครดิตภาพ : AFP