นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร และพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า กลุ่มสามารถได้เปิดสายธุรกิจใหม่ โดยจัดตั้ง บริษัท เทด้า ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ซึ่งกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม อาทิ โซลาลูฟท็อป และคาร์บอนเครดิต ถือเป็นการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่ปัจจุบันองค์กรต่างๆ มุ่งเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม และพลังงานสะอาดมากขึ้น นอกจากนี้ในส่วนของโคงการไดเร็ก โค้ดดิ้ง ที่เข้าไปให้บริการกับกรมสรรพสามิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี นั้น ก็มีแผนขยายการให้บริการเข้าไปในกลุ่มยา อาหารเสริม และไวน์ คูลเลอร์ เป็นต้น
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงเดือน 9 เดือนที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ ทุกสายธุรกิจมีทิศทางขาขึ้นและแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยในช่วง 9 เดือน มี แบ็คล็อก (Backlog) หรือ ยอดขายที่รอรับรู้รายได้ ทั้งกลุ่มรวมเกือบ 1.4 หมื่นล้านบาท และเมื่อถึงสิ้นปีมีโอกาสเพิ่มขึ้นไปถึง 20,000 ล้านบาทโดยเฉพาะสายธุรกิจ ไอซีทีที่มีผลงานโดดเด่นในไตรมาส 3 แต่ทั้งนี้ก็ยังมีหลายโครงการที่ยังล่าช้าจากงบประมาณภาครัฐที่ดีเลย์ ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และสำหรับไตรมาส 4 คาดว่าจะรับรู้รายได้และกำไรมากขึ้นกว่าทั้ง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยเมื่อถึงสิ้นปีนี้คาดว่ารายได้จะใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้ 1.2 หมื่นล้านบาท
นายวัฒน์ชัย กล่าวต่อว่า สำหรับ สายธุรกิจ Digital ICT Solutions หรือ “SAMTEL” ในช่วง 9 เดือน SAMTEL มีการเซ็นสัญญาโครงการใหม่มูลค่ากว่า 1,500 บาท อาทิ โครงการของการนิคมอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กรมที่ดิน เป็นต้น รวม Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่มีการเซ็นสัญญาโครงการใหม่มากที่สุด มูลค่ารวมประมาณ 6,000 ล้านบาท เพราะเป็นช่วงที่หน่วยงานต่าง ๆ เริ่มใช้งบประมาณเต็มที่ อาทิ โครงการ Core Banking, โครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และอื่น ๆ ทั้งนี้คาดว่าทั้งปีจะมีการเซ็นสัญญาโครงการใหม่รวมประมาณ 7,500 ล้านบาท
สายธุรกิจ Utilities & Transportations โดยบริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) (SAV) ธุรกิจด้านการให้บริการจัดการการจราจรทางอากาศที่ประเทศกัมพูชา เฉพาะ 9 เดือน จำนวนไฟล์บินเพิ่มขึ้นประมาณ 7-8% รายได้เติบโตขึ้น 12% ใน6 เดือนแรก ด้านกำไรมากกว่าเดิมค่อนข้างมาก โดยเติบโตมากถึง 85% ใน 2 ไตรมาสแรก YOY เป็นผลจากการที่รัฐบาลกัมพูชาออกแคมเปญเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เกิดเส้นทางการบินใหม่ รวมถึงมีการลงทุนเปิดสายการบินใหม่แอร์เอเชียกัมพูชา ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสร้างโอกาสด้านการท่องเที่ยวและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นในช่วง high season คือช่วงไตรมาส 4 นี้อย่างแน่นอน ด้านโครงการขยายการบริหารจัดการวิทยุการบินที่สปป.ลาว มีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะเซ็นสัญญา MOU ในไตรมาส 4 ปีนี้
สายธุรกิจ Digital Communications หรือ “SDC” รับรู้รายได้จากค่าบริการ Airtime ตลอดทั้งปี ในโครงข่ายวิทยุคมนาคมระบบดิจิตอล หรือ Digital Trunked Radio System ของโครงการจัดหาระบบวิทยุสื่อสารข่ายบังคับบัญชากระทรวงมหาดไทย (MOI) ประมาณ 317 ล้านบาท และล่าสุด SDC ได้รับการขยายอายุสัญญา 15 ปี จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (มหาชน) จึงเป็นการสร้างโอกาสในการขยายฐานผู้ใช้บริการ DTRS ในองค์กรสาธารณภัยซึ่งมีเครือข่ายทั่วประเทศ โดยสรุป SDC เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งปีตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 602 ล้านบาท
