เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่อาคารประชาอารักษ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. และ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. ร่วมเเถลงความคืบหน้าหลังเข้าประชุมติดตามความคืบหน้าคดี “ดิไอคอน กรุ๊ป”

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า สำหรับการเข้าแจ้งความตลอดช่วงเช้าวันนี้พบยังคงมีผู้เสียหาย เดินทางมาเพื่อรับบัตรคิวเข้าแจ้งความที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแล้ว ประมาณ 50 คิว และสำหรับยอดรวมผู้เสียหายทั่วประเทศ ที่เข้าแจ้งความที่ศูนย์รับแจ้งความ บช.ก. และสถานีตำรวจท้องที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 10-21 ต.ค. 67 พบมีประชาชนเดินทางมาแจ้งทั้งสิ้น 6,979 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,046 ล้านบาท

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 18 คน อยู่ในการควบคุมที่เรือนจำพิเศษ ส่วนการขยายผลอยู่ระหว่างการสอบสวนทั้งเรื่องเส้นทางการเงิน การวิเคราะห์บัญชีการเงิน โดยในวันนี้มีการไปตรวจค้นทั้งหมด 11 จุด ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องในฐานะพนักงานและคนใกล้ชิดกับผู้ต้องหาทั้ง 18 คน โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการปฏิบัติการตรวจค้นและยังไม่ได้รายงานผลเข้ามา เนื่องจากต้องการที่จะปิดข้อมูลหรือหลักฐานต่างๆ ที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อคดี

สำหรับหมายจับลอตที่ 2 อยู่ระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน และจะเกี่ยวข้องกับ 11 จุดที่ไปตรวจหรือไม่ก็อยู่ที่พยานหลักฐาน หากพบหลักฐานชัดเจนจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ยืนยันว่าถ้าผลการสอบสวนและหลักฐานพาดพิงไปถึงใคร ระดับใดก็ตาม ก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าภรรยาของนายกันต์ กันตถาวร มีรายชื่ออยู่ในหมายจับลอตที่สองด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบว่า ขณะนี้ยังไม่พบในรายชื่อ และยังไม่พบว่ามีการเดินทางออกนอกประเทศ

สำหรับการแยกระหว่างผู้เสียหายหรือผู้ต้องหานั้น ต้องเรียนว่าผู้เสียหายบางคน เมื่อสอบปากคำแล้วอาจจะพบว่าเป็นผู้ต้องหาในภายหลัง เพราะฉะนั้นก็จะต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งทั้งหมดอยู่ในการวิเคราะห์คำให้การอย่างละเอียดรอบคอบ อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายที่มาแสดงตัวก็ให้สิทธิเป็นผู้เสียหายก่อน โดยคำให้การทั้งหมดก็จะต้องผ่านการวิเคราะห์ในเรื่องของพยานหลักฐานก่อน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาอะไรเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาทั้ง 18 คนหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน หากพบความผิดอื่นเพิ่ม ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่จะมีกลุ่มผู้เสียหายได้ไปร้องเรียนกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ในเรื่องพนักงานสอบสวนชี้นำทำให้เกิดความเสียหายเท็จขึ้นมา ทางตำรวจจะชี้แจงอย่างไร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เป็นความเข้าใจของบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ แต่อยากจะเรียนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการทำงานหนักมาก และในการสอบสวนจำเป็นต้องมีความรอบคอบรัดกุม ซึ่งความผิดแต่ละประเภทนั้นจะมีองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย หากใช้ความรู้สึกอย่างเดียวแล้วแจ้งข้อกล่าวหาผู้ใดผู้หนึ่ง เราอาจจะตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาเองก็ได้

สำหรับเรื่องคลิปเสียงทั้งหมด ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เป็นผู้รับผิดชอบ ร่วม บก.ปปป. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนและก็ขยายหลักฐานทั้งหมดว่าเกี่ยวพันกับผู้ใดบ้าง แต่ขณะนี้ขอยังไม่เปิดเผย แต่บอกได้ว่ามีการสอบปากคำบอสพอล และได้รับคำยืนยันว่าเสียงนั้นเป็นเสียงบอสพอลจริง ทั้งนี้หากพบว่าบุคคลใดที่มีหลักฐานชัดเจนและเป็นการกระทำความผิดต่อเจ้าพนักงานของรัฐหรือความผิดต่อแผ่นดิน ตำรวจจะไม่ทำการละเว้นในการดำเนินคดีอย่างแน่นอน ส่วนบุคคลใดที่จะแสดงตัวหรือแสดงความบริสุทธิ์ เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับหลักฐาน ซึ่งจะมีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้างอยู่ระหว่างการสอบสวนและตรวจสอบ

และกรณีที่มีกระแสข่าวว่านักร้องเรียนหญิงมีความสนิทสนมกับตำรวจที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่นั้น หากพบว่าเป็นตำรวจหรือไม่ว่าใครสังกัดใดก็ตาม หากพบว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดจะดำเนินคดีไม่มีละเว้น ทั้งนี้ไม่มีความกังวลและไม่มีความหนักใจ

ส่วนที่มีกระแสข่าวที่ผู้ต้องหามีการแปลงสกุลเงินดิจิทัลนั้น เรื่องนี้ได้มีการสอบปากคำและก็ตรวจสอบโดย บก.ปปป. อยู่แล้ว แต่อยากเรียนว่า “บุคคลที่มีชื่อเสียงหรืออินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ ควรจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนจะนำข้อมูลเหล่านั้นออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะชชน ทำให้ประชาชนเกิดความไขว้เขวต่อข้อเท็จจริงว่าทำไมเจ้าหน้าที่รัฐถึงมีการปล่อยปละให้มีการถ่ายโอนทรัพย์สินในรูปแบบคริปโต ซึ่งขณะนี้ได้มีการตรวจสอบอยู่และข้อเท็จจริงจะปรากฏเร็วๆ นี้ แต่หากใครที่ให้ข้อมูลเท็จต่อสื่อสาธารณชน จะต้องรับผิดชอบและถูกดำเนินคดี” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว

และในส่วนของพยานที่มาให้ปากคำกับบก.ปปป. และ DSI เป็นคนเดียวกันหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ขอยังไม่พูดเนื้อหารายละเอียดของเรื่องการสอบสวนและพาดพิงถึงบุคคลใดหากยังไม่ชัดเจนในข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จะเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า เบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์

ทั้งนี้ตนอยากเตือนพวกที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลาย ที่มีการพยายามยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินนั้น จะยิ่งทำให้ปรากฏพฤติการณ์ทำผิดในทางคดีอย่างชัดเจน เบื้องต้นขอยืนยันว่าจะทำคดีแล้วเสร็จทัน 48 วัน ตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดอย่างแน่นอน

ขณะที่ พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า จากที่มีข่าวปรากฏว่าจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ทางตำรวจเองก็จะมีการไปตรวจสอบทั้งในเรื่องของกล้องวงจรปิดโดยการกระทำในลักษณะนี้อาจจะเข้าข่ายการฟอกเงิน ในส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเร่งดำเนินการ.