เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการรับประทานอาหารเย็นกับพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 21 ต.ค. มีการพูดคุยประเด็นอะไรบ้าง ว่า มีการพูดถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน อย่างที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกว่าจะมีการพบปะพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วม หรืออาจจะเป็นลักษณะการคุยกันแบบสองต่อสอง และอาจจะมีการพูดคุยถึงบทบาทภารกิจของแต่ละกระทรวง บางทีแต่ละกระทรวงเสนอมา กว่าจะถึงนายกฯอาจจะต้องใช้เวลา จึงต้องมีการพูดคุยกันก่อน จะได้มีความสนิทสนมกัน ตนยังแซว น.ส.แพทองธารเลยว่า ไม่ใช่การเข้าห้องพบอาจารย์ใหญ่ใช่หรือไม่ ซึ่ง น.ส.แพทองธารบอกว่าไม่ใช่ โดยนายกฯอารมณ์ดี พร้อมระบุว่าจะได้ทำงานกันได้ต่อเนื่อง ถ้ามีปัญหาอะไรจะได้หารือพูดคุยกัน ทั้งงานบริหารรัฐบาลและงานการเมืองด้วย

เมื่อถามว่า ในวงหารือได้มีการพูดถึงการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ก็พูดคุยกันว่าเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ ในส่วนของพรรค ชทพ.เอง เราชัดเจนตั้งแต่เบื้องต้น รวมถึงแนวทางการทำนิรโทษกรรม จะต้องไม่รวมเรื่องมาตรา 112 ไม่เกี่ยวกับคดีทุจริต หรือคดีอาญา นี่คือ จุดยืนของพรรค ชทพ.ตั้งแต่ต้น และทุกพรรคจะมีแนวทางคล้ายคลึงกัน แต่ทั้งนี้ เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติที่จะต้องมีการตั้งทีมงานและดำเนินการตามกรอบของสภา 

เมื่อถามถึงเรื่องทิศทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายประชามติ ในส่วนของพรรค ชทพ. มีแนวทางอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า เราชัดเจนตั้งแต่ต้น และทราบว่าขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาแล้ว โดยมีตัวแทนจาก สส.และสว. โดยทางพรรค ชทพ.ได้ส่งนายนิกร จำนง ผอ.พรรค ไปเป็นกรรมาธิการร่วม ซึ่งแนวทางของแต่ละพรรคก็จะเหมือนกันบางส่วน หรืออาจจะมีแนวทางคล้ายกันแต่อาจจะไม่ตรงกันสักทีเดียวนัก เชื่อว่าเมื่อได้นั่งพูดคุยกันมากขึ้นอาจจะมีการรอมชอม หรือสามารถเจรจาตกลงกันได้ เชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหา

 เมื่อถามว่า จุดยืนของพรรค ชทพ.ควรแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า เราเคยพูดตั้งแต่แรกช่วงหาเสียงว่าเราเชื่อในแนวทางของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เหมือนสมัยที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ ทำ แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องดูเสียงส่วนใหญ่ด้วยว่าโหวตไปทางใด อันไหนทำได้ เราต้องคำนึงถึงเงื่อนเวลาด้วยเหมือนกัน