จากกรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนาของนักการเมืองชายรายหนึ่ง​เรียกรับผลประโยชน์จากนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ประธานบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด – The iCon Group Co., Ltd. ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม ในลักษณะกล่าวอ้างว่าเงินหลักแสนบาทรายเดือนอาจไม่เพียงพอในการดูแลคน ต่อมามีการเชื่อมโยงไปถึงนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช​ สมาชิกพรรคพลัง​ประชา​รัฐ ​(พปชร.) ในฐานะรองโฆษกพรรค พปชร. ขณะที่นายสามารถออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ตนเอง

ล่าสุดวันที่ 18 ต.ค. นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกคำสั่งให้นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช พ้นจากการดำรงตำแหน่งรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวยังไม่สามารถติดต่อนายสามารถได้ มีเพียงกระแสข่าวว่านายสามารถเข้ารับการแอดมิตที่ รพ.พญาไท 3 เนื่องจากความดันขึ้น ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ต.ค. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีฟอกเงินกับนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กรณีมีคลิปเสียงปรากฏเรียกรับเงินจากบอสพอล ดิไอคอนกรุ๊ป โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับเรื่อง

ทนายตั้ม เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้พาพยานปากสำคัญที่เป็นคนใกล้ชิดของนายสามารถ  จำนวน 1 ราย มาให้ข้อมูลแก่ดีเอสไอ โดยตนได้ขอให้ดีเอสไอช่วยดำเนินการตรวจสอบคลิปเสียงและช่วยดำเนินคดีในเรื่องการฟอกเงินแก่นายสามารถ ซึ่งพยานหลักฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคลิปเสียงสนทนา คลิปวิดีโอ คลิปจากการออกรายการ เอกสารการโอนเงิน และพยานบุคคล ตนได้มอบให้กับดีเอสไอทั้งหมด

ส่วนพยานวันนี้ค่อนข้างสนิทชิดใกล้กับนายสามารถ จึงขอให้ทางดีเอสไอช่วยคุ้มครองพยานด้วย เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย อีกทั้ง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับปากแล้วว่าจะช่วยดำเนินการให้ นอกจากนี้ วานนี้ (20 ต.ค.) ตนและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ไปที่ร้านแมคโดนัลด์ เพื่อเก็บพยานหลักฐานบางส่วนมา และเป็นหลักฐานค่อนข้างสำคัญ ซึ่งก็คือหลักฐานที่ตนได้นำมามอบในวันนี้ ส่วนพยานบุคคลอีก 1 ราย เป็นพนักงานที่ทำงาน เจ้าหน้าที่ดีเอสไออาจจะสอบปากคำในภายหลัง

ทนายตั้ม เผยอีกว่า สำหรับพยานเอกสารเส้นทางการเงินที่ตนนำมาให้ดีเอสไอ เป็นเส้นทางการเงินที่มีการจ่ายให้กันในบางสิ่งบางอย่าง ถือเป็นหลักฐานเด็ดมัดตัวผู้ที่ถูกตนร้องกล่าวโทษฟอกเงินได้แน่นอน  ส่วนที่เป็นพฤติการณ์ที่ทำให้ตนมาร้องกล่าวโทษฟอกเงินแก่นายสามารถ เนื่องจากการที่มีคลิปเสียงหลุดออกมาว่านายสามารถรับเงินจากบริษัท ดิไอคอนฯ เดือนละ 100,000 บาท และตอนนี้บริษัทก็ถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชน ดังนั้น ที่มีการจ่ายเงินให้กับนายสามารถ เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าเป็นการจ่ายเพื่อช่วยในสิ่งที่ผิดกฎหมาย และเงินที่ได้มาก็เป็นเงินที่มาจากการฉ้อโกงประชาชน จึงทำให้ตนต้องแจ้งข้อหาฟอกเงินแก่นายสามารถ ตามมาตรา 3(3) มาตรา 5(3) แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

ทนายตั้ม เผยต่อว่า สำหรับพยานปากสำคัญรายนี้ที่ตนพามาพบกับดีเอสไอ เขาอยู่กับนายสามารถมานานเกินกว่า 5 ปี ไม่ใช่คนในแวดวงการเมือง แต่รู้เห็นว่านายสามารถ มีการไปนัดพบกับผู้บริหารของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 20.00 -20.40 น. ที่ ร้านแมคโดนัลด์ ในปั๊มเชลล์ บริเวณใกล้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลฯ ใกล้บริษัทดิไอคอนกรุ๊ปฯ ซึ่งผู้บริหารคนนั้น คือ บอสปีเตอร์ เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ช่วยเหลือหลังจากที่บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ กำลังถูกเปิดโปง ซึ่งตนมีพยานหลักฐานชัดเจน แต่ขออุบเงียบไว้ก่อน เพราะจะให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ยืนยันว่ามีเด็ดกว่ากล้องวงจรปิดในร้านแน่นอน อย่างไรก็ตาม ตนยังสืบไปไม่ถึงว่าเงินจำนวน 100,000 บาทที่นายสามารถได้รับทุกเดือนนั้น มันถูกนำไปใช้อย่างไร เงินเข้าถึงแค่นายสามารถ หรือเข้าถึงคนที่อยู่เบื้องหลังนายสามารถ ด้วยหรือไม่ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อน ทั้งนี้ วานนี้ (20 ต.ค.) นายสามารถ ยังพยายามติดต่อมาที่พยานรายนี้อยู่ แต่แรงจูงใจที่ทำให้พยานรายนี้เข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอเนื่องจากเคยถูกทำร้ายร่างกาย เคยถูกตบ ถูกกดขี่ข่มเหงโดยคนที่เขาเจ็บแค้น จนต้องออกมาพูด

“ตนขอยืนยันว่าการออกมาของพวกตนและบรรดาทนายความทุกคน ไม่มีใครสนิทกับนักการเมืองเป็นการส่วนตัว หรือไปถูกใครจ้างมาให้ทำ ไม่มีใครรับงานการเมือง และในเรื่องนี้จะได้วัดความเอาจริงของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ด้วยว่าเทวดาภายในหน่วยงานจะยังมีความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ และที่สำคัญ หลักฐานจะไปถึงเขาหรือไม่ เพราะถ้าหลักฐานไปถึงก็คงไม่มีการเอาไว้” ทนายตั้ม ระบุ

ทนายตั้ม เผยด้วยว่า ส่วนภาพถ่ายที่ปรากฏในโซเชียลมีเดียว่าตนถ่ายคู่กับนายกันต์ กันตถาวร 1 ในผู้ต้องหาคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ ตนขอชี้แจงว่าเป็นเพราะตนได้ไปออกรายการร้องข้ามกำแพงมาก่อน คู่กับคุณบุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ซึ่งเป็นรายการที่นายกันต์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ทำให้ได้เจอและรู้จัก และตนก็เคยถ่ายรูปกับนายกันต์ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในพัทยา เพราะเป็นการเจอกันโดยบังเอิญ โดยตนไปกินข้าวกับครอบครัว แต่ภาพมันนาน 2-3 ปีแล้ว และตนขอถ่ายรูปด้วยในฐานะที่เขาเป็นศิลปินดารา ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นเพื่อนกับนายกันต์มาก่อน และไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว มีเพียงแต่ภรรยาของนายกันต์ที่เคยมาปรึกษาเรื่องทางกฎหมายกับตนเท่านั้น  ไม่มีความสัมพันธ์อื่นใด และตนไม่เคยรู้ว่าบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ ทำผิดกฎหมายอะไร จนมีผู้เสียหาย ตนจึงพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจ

ส่วนกรณีมีสำนักข่าวแห่งหนึ่ง  มีการนำเสนอรายงานข่าวอ้างว่า ทนายแบรนด์เนม (ทนาย ต.) เคยร่วมงานกับ The Icon รวมทั้งพาดพิงถึงทนายคนอื่น ๆ ว่าเป็นขบวนการช่วยเหลือบอสพอล ซึ่งทนายแบรนด์เนม คือการที่สื่อมีเจตนาสื่อถึงตน ถือว่าเป็นการนำเสนอข่าวที่ไร้จรรยาบรรณ เพราะทีมทนายความทุกคนพร้อมเสียสละออกมาช่วยคดีนี้

ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ เผยว่า ทางทนายตั้มได้นำพยานปากสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของการฟอกเงินมาให้ข้อมูลกับดีเอสไอ พร้อมทั้งยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยดีเอสไอจะรับเอกสารไว้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด ส่วนแนวโน้มการรับคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เป็นคดีพิเศษนั้น ต้องรอดูข้อเท็จจริงตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายงาน

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทนายตั้มยังได้พากลุ่มผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่ที่เคยถูกนายสามารถ อ้างว่าจะช่วยเหลือทางคดีแชร์ลูกโซ่ให้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีการช่วยเหลือ