สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงคีชีเนา ประเทศมอลโดวา เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ว่า การลงประชามติ ซึ่งดำเนินไปพร้อมกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรก ถือเป็นการทดสอบสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของมอลโดวา ภายใต้การนำของซานดู ซึ่งถูกบดบังด้วยความกลัวเกี่ยวกับการแทรกแซงของรัสเซีย ท่ามกลางสงครามในประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูเครน

ภายหลังการนับคะแนนเสียง 90% ปรากฏว่า ชาวมอลโดวาที่มีสิทธิลงประชามติประมาณ 53% ไม่เห็นชอบกับการเข้าร่วมอียู และมีผู้เห็นชอบเกือบ 47% กระนั้น ผลการลงประชามติอาจเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อนับรวมคะแนนเสียงในต่างประเทศ

ซานดู กล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า มอลโดวาเผชิญกับการโจมตีเสรีภาพและประชาธิปไตยของประเทศ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งในปัจจุบัน และในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเธอกล่าวโทษกลุ่มอาชญากรที่ทำงานร่วมกับกองกำลังต่างชาติ ซึ่งมีเจตนาร้ายต่อผลประโยชน์ของประเทศ

“แม้ผลการลงประชามติยังมีโอกาสพลิกกับมาเป็นเห็นชอบได้อย่างฉิวเฉียด แต่ภาพลักษณ์การสนับสนุนอียูของประชาชน และความเป็นผู้นำของประธานาธิบดีไมอา ซานดู กลับอ่อนแอลง” นายฟลอร็องต์ ปาร์ม็องติเยร์ นักรัฐศาสตร์จากสถาบันไซเอนเซส โพ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงปารีส กล่าว

ปาร์ม็องติเยร์ ระบุเพิ่มเติมว่า ผลการลงประชามติข้างต้นเป็น “เรื่องที่น่าประหลาดใจ” แต่มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเจรจาภาคยานุวัติกับอียู ซึ่งเริ่มต้นเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์หลายคน รวมถึงปาร์ม็องติเยร์ ชี้ว่าการลงประชามติครั้งนี้ สะท้อนถึงความยากลำบากที่ซานดูต้องเผชิญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่สอง วันที่ 3 พ.ย. นี้.

เครดิตภาพ : AFP