เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล  นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงขยายความถึงการประกาศข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 27  พร้อมทั้งกล่าวเน้นย้ำว่า  ขอความร่วมมือประชาชนถ้าไม่จำเป็นอย่าเคลื่อนย้ายในช่วงที่มีการประกาศห้ามเดินทาง ขณะที่มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว  ขณะนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) กำลังพิจารณาเตรียมการเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ส่วนการแจ้งมาตรการไม่ให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารนั้น เป็นเพราะปัจจุบันข่าวลือข่าวเท็จออกมาเป็นจำนวนมาก โดยที่ประชุม ศบค.เน้นย้ำสูงมากว่าข่าวที่เป็นเท็จอาจจะทำให้เราพะว้าพะวังและเสียเวลาในการแก้ข่าว หรือเกิดสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ จะทำให้เกิดการล่าช้าตามมา จึงขอความร่วมมือจากทุกคนในเรื่องนี้ พร้อมกับต้องบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่

เมื่อถามถึงแนวทางการปฏิบัติเรื่องการเดินทางสำหรับในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวม 10 จังหวัด หากจะเดินทางมาเพื่อมารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19  และดำเนินการทางการแพทย์ ยังสามารถเข้ามาในกรุงเทพฯ ได้หรือไม่  โฆษก ศบค. กล่าวว่า ถ้าจำเป็นเข้ามาเพื่อมารับการฉีดวัคซีนหรือการสาธารณสุข สามารถให้ได้ทันที  และหากมีใบอนุญาตที่ออกโดยกำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน ก็จะได้รับการพิจารณาอย่างรวดเร็ว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีคลินิกเสริมความงามที่ฉีดบริเวณใบหน้านั้น เข้าข่ายเป็นสถาบันเสริมความงามหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า คลินิกดังกล่าวรวมอยู่ในสถาบันเสริมความงามด้วย โดยมาตรการที่ออกมานั้น เป็นการลดการสัมผัสและลดความเสี่ยงในการสัมผัสใกล้ชิดบนใบหน้า

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้จำเป็นต้องเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ  ดังนั้น ในที่ประชุม ศบค. ได้มีมติมอบให้หน่วยประชาสัมพันธ์ของจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเป็นผู้ที่นำชุดข้อมูลต่างๆ สื่อสารให้ประชาชนเพื่อปฏิบัติตัวให้ถูก เพราะบางข้อก็ใช้ใน 6 จังหวัด 10 จังหวัด หรือทั่วประเทศ เพราะเป็นการล็อกดาวน์เป็นจุดๆ นอกจากมาตรการเหล่านี้แล้ว การควบคุมโรคจะเกิดขึ้นก็ด้วยความร่วมมือของประชาชน จึงขอความร่วมมือให้ทุกคนอดทน  

ทั้งนี้ ตนไม่สบายใจทุกครั้งที่จะต้องมาประกาศข้อกำหนดต่างๆ ที่จำกัดสิทธิเสรีภาพในการเดินทางและมีผลกระทบต่อรายได้ต่อครอบครัวและต่างๆ มากมาย แต่เราเลี่ยงไม่ได้ เพราะมาตรการเหล่านี้ก็เป็นสากลไปแล้ว ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย และทุกประเทศในโลกนี้ การยอมรับการเพิ่มระดับหรือการล็อกดาวน์ครั้งนี้ ไทยล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ จึงขอความร่วมมือทุกคนใช้เวลา 14 วัน พิสูจน์ความร่วมไม้ร่วมมือกันของประชาชนคนไทยกันอีกครั้ง เพื่อสู้กับไวรัสโควิด-19 และหลังจากนี้อีก 14 วัน ขอให้เป็นภาพที่เราจะเห็นข่าวดีๆ ด้วยกัน.