ถูกพูดถึงไม่มีหยุดอย่างต่อเนื่องสำหรับซีรีส์บอยเลิฟสุดปังทาง Viu ที่เสิร์ฟมาแล้วแฟน ๆ ดูซ้ำหลายต่อหลายรอบ สำหรับซีรีส์เรื่อง “The Rebound  เกมนี้เพื่อนาย” ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความรักความฝัน และเส้นทางสู่ชัยชนะ ของกลุ่มเด็กหนุ่มนักกีฬาบาสเกตบอลที่มีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้มีหลายรสชาติและแฟน ๆ ชื่นชอบการแสดงของนักแสดงในเรื่องอย่างมาก งานนี้ “บันเทิงเดลินิวส์” เลยขอเอาใจแฟน ๆ ของคู่จิ้นสุดฮอตเจ้าของบทนำในเรื่องนี้อย่างหนุ่มหน้าหล่อ “มีน-นิชคุณ ขจรบริรักษ์” และหนุ่มหน้าใส “ปิง-กฤตนัน อัญชนานันท์” ที่บอกเลยว่า เราจัดเต็มบทสัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่จะทำให้ทุกคนรู้จักเขาสองคนมากขึ้นมาฝากกัน

ทักทายแฟน ๆ สักหน่อย?

มีน-ปิง : “สวัสดีครับ แฟน ๆ เดลินิวส์ (ยิ้ม) ทุกคนเลย”

ทั้งสองคนเข้าวงการมานานรึยัง หรือเราเข้ามาจากตรงไหน?

มีน : “ผมเริ่มเข้าวงการตอนอายุ 17 ครับ ตอนนี้ก็นับได้ประมาณ 8 ปีแล้ว เริ่มมาจากเป็นนายแบบก่อน แล้วก็พัฒนาต่อจนมาเกี่ยวข้องกับการแสดงครับ อย่างตอนเดินแบบช่วงนั้นก็เป็นนักกีฬาเป็นนักบาสครับ แล้วเหมือนเราก็อยากทำงานด้วยก็เลยลองไปแคสเดินแบบนู่นนี่นั่น แล้วผมก็ได้เดิน บรรยากาศก็สนุกดีครับ เป็นงานที่เราชอบจนถึงทุกวันนี้ เราก็ชอบเดินแบบ ถ่ายแบบครับ”

ปิง : “ส่วนผมจริง ๆ เป็นเด็กทั่ว ๆ ไปมาก่อนแล้วพี่ ๆ ในวงการก็ชวนไปเดินแบบงาน Mchoice ตอนปี 2019 หลังจากนั้นปีต่อมาพี่เขาก็ชวนอีก หลังจากนั้นก็ได้คุยกันแล้ว ก็ได้มาอยู่กับพี่ก้อง ไฮฟ์ครับ”

สองคนเจอกันงานแสดงงานแรกเรื่องอะไร เล่าให้ฟังหน่อย ตอนนั้นเป็นอย่างไร?

มีน-ปิง : “เราเจอกันเรื่อง “อัยย์หลงไน๋ AiLongNhai)” ครับเป็นการเจอกันครั้งแรก”

ปิง : “ตอนเห็นเขาครั้งแรกก็ดูเป็นคนปวดหัวนิดนึง (ยิ้ม) เพราะตอนนั้นพี่มีนยังตัวใหญ่มากแบบว่าแต่ก่อนพี่มีนตัวใหญ่มาก”

มีน : “ผมกับปิงเหมือนเราเคยทำงานมาก่อนแล้วแบบว่าถ่ายอะไรแบบนี้ เล่นละคร เล่นอะไรมาแล้วเราก็แบบเหมือนรู้สึกว่าเรามาเจอพาร์ตเนอร์ใหม่ที่ต้องเล่นเป็นคู่กัน แล้วเป็นซีรีส์วายด้วยก็เลยรู้สึกว่าน้องคนนี้ดูก็ยังเด็กอยู่ ดูไปต่อได้ แล้วอย่างเป็นเรื่องแรกของน้องด้วยครับ เราก็เลยช่วย ๆ กัน

แล้วการทำงานครั้งแรกด้วยกันเป็นยังไงบ้าง?

มีน : “ครั้งแรกเราก็ยังใหม่ ๆ ยังเกร็ง ๆ ครับ ตอนแรกเกร็งมาก แต่ดีด้วยความที่เราอยู่ด้วยกันเกือบทุกซีนมันเลยคุยกันนู่นนี่นั่น”

ปิง  : “ผมจำได้เลยวันแรก ๆ อัยย์หลงไน๋ ผมนี่สุด ๆ แบบว่าเล่นไม่ได้เลยตอนนั้น จำได้เล่นแบบเล่นไม่ได้เลยคือตอนนั้นผมทำตัวไม่ถูกเฉย ๆ มั้ง ผมจำได้เลยว่าซีนแรกที่ผมถ่ายคือซีนเหมือนแบบว่าเกี่ยวกับต้องคุยกับผู้หญิงสักอย่างนึง เหมือนคนนี้ชอบพี่มีนในเรื่อง ผมก็ฟีลประชด ๆ คือถ่ายนานมาก มันไม่มีอะไรเลยนะ แต่ผมพูดแล้วแบบมันไม่ถูกใจเขา คือผมว่าผมก็ทำได้แล้วนะแต่มันไม่ได้
ซึ่งตอนนั้นก็พยายามแล้วผ่านมันมาได้

มีนสอนเราในเรื่องการแสดงเยอะไหม?

ปิง : “ก็เยอะครับ อย่างแสดงก็ต้องรอความรู้สึกก่อนค่อยพูดกลับ เบสิกเลย รับส่งกันประมาณนั้นครับ”

แล้วพอผ่านการแสดงด้วยกันมาสามเรื่องแล้ว ช่วยรีวิวความรู้สึกที่ได้มาเจอกันอีกสักหน่อย ว่าเป็นยังไง?

มีน : “เอาจริง ๆ ชิลเลยครับ เหมือนชิลเพราะแต่ละคนก็ได้ประสบการณ์มาแล้ว ก็แค่มาเปลี่ยนสถานที่ถ่ายก็คือแบบพาร์ต์เนอร์รอบข้าง สังคมในกองอะไรใหม่เฉย ๆ แต่ด้วยความที่ปิงเป็นคนที่ติดเล่นติดอะไรอย่างนี้อยู่แล้วคือเล่นเลย ทำให้กองสนิทกันไว (หัวเราะ)”

ปิง : “ติดเล่น (หัวเราะ) แต่ทุก ๆ การเปลี่ยนมันก็จะยากนิดนึง เจอคนใหม่ ๆ แล้วแบบจะเข้าได้ไหมในเรื่องนี้ครับ”

พอมันมาทำงานร่วมกันหลาย ๆ เรื่อง มันมีจุดที่เราตรงกันไหมหรือว่าบางจุดไหนที่ต้องปรับเข้าหากันบ้าง?

มีน : “หลัง ๆ ไม่ค่อยได้ปรับเลยครับ เหมือนรู้สึกว่าแต่ละคนก็มีจุดยืนเป็นของตัวเองแล้ว ตอนแรกเราก็ช่วยกันไปก่อนแล้วพอแต่ละคนแข็งแกร่งขึ้น ก็มีจุดยืนเป็นของตัวเอง ไม่ได้ห่วงไม่ได้อะไรแล้วครับ”

ก่อนหน้านี้มีจุดที่ต้องปรับเข้าหากันเยอะไหม?

มีน : “แรก ๆ เหมือนเราก็ยังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ก็ต้องปรับตัว มันเป็นสิ่งปกติอยู่แล้วที่มนุษย์เราต้องทำในการปรับตัวเข้าหากัน สิ่งที่ละลายพฤติกรรมเราได้ก็คือการค่อย ๆคุยกันครับ ทำให้เราคุยกันไปเรื่อย ๆ เลยสนิทกันครับ”

สำหรับเราจากวันนั้นที่เราเริ่มเข้าวงการมาจนถึงวันนี้มันแตกต่างจากวันนั้นเยอะมากไหม?      

มีน : “ก็แตกต่างนะครับ เหมือนทุกคนมารู้แล้วว่าเรา 2 คนได้รับบทอะไร ทุกคนก็จะเฝ้าจับตามอง แต่วันแรกคือยังไม่รู้เลยว่าเราเล่นออกมาจะเป็นยังไง คือทุกคนก็ตั้งใจรอดูผลงานของพวกเราที่ร่วมกันทำมา”

ปิง : “ถ้าในเรื่องชื่อเสียง เราก็มีชื่อเสียงขึ้น มีแฟน ๆมาซัพพอร์ท เราก็รู้สึกดีใจที่เราทำผลงานอะไรออกไปก็มีแฟนคลับมาซัพพอร์ทเราเสมอ เหมือนหลาย ๆ คนพอพูดถึงชื่อมีนก็จะนึกถึงปิง หรือมีอีกหลาย ๆ คนพูดชื่อปิงก็จะนึกถึงมีน”

เรามีความรู้สึกยังไงที่คนเรียกมีนและปิงเสมอ ๆ?

มีน : “ก็รู้สึกชินนะครับ คือพอมีมีนก็เป็นปิง ปิงก็เป็นมีน แต่รู้สึกว่าทุกคนให้เกียรติคู่เราเนอะ น่ารักแล้วก็ซัพพอร์ตกันมาเสมอ”

ปิง : “ผมก็คิดเหมือนพี่มีนครับ ผมก็ชินครับ มีนปิง ๆ ไปไหนเค้าก็จะแบบมีนปิง หรือบางทีเค้าเจอเราคนเดียวนะ แต่เค้าก็จะพูดว่านี่แบบมีนปิงใช่ไหม ที่เล่นเรื่องนี้ ๆ บางทีเค้าเรียกผิดด้วยนะ มีนก็มี (หัวเราะ) เยอะแยะครับ มีหมดเลย”

แล้วคิดว่าอะไรเป็นความน่ารักหรือเป็นจุดเด่นของคู่เราที่ทำให้หลาย ๆ คนชอบ?

ปิง : “ผมว่าเราส่วนสูงใกล้ ๆ กัน หน้าตาก็ใกล้ ๆ กัน แฟนคลับชอบเรียกว่าฝาแฝด”

มีน : “อืม ผมว่าแล้วแต่บางมุม บางรูปอะไร ผมคิดว่าเป็นรูปผมนะแต่จริง ๆ เป็นรูปปิง บางทีผมคิดว่าเป็นรูปปิง เอ้าจริง ๆ เป็นรูปผม (หัวเราะ)”

ถ้าเกิดให้สองคนรีวิวกันและกัน ลองรีวิวหน่อยได้ไหมว่าแต่ละคนเป็นยังไง?

ปิง : “มีนเค้าจะเป็นคนแบบนิ่ง ๆ แล้วก็บางทีอยู่ดี ๆ จะพูดก็พูด จะเงียบก็เงียบเลย พี่มีนจะแบบว่าบางทีจะเดาอารมณ์ยากนิดนึง อยู่ดี ๆ ก็มาแบบเอ๊ะอะไรแบบนี้ บางทีผมก็ปรับตัวไม่ทันเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่ก็น่ารักครับผม เป็นมุกมีนครับ”

มีน :“ผมก็เป็นเหมือนที่ปิงพูดครับ แต่ว่าคือไม่ได้อยู่ ๆ อยากเงียบหรืออะไรนะคือบางทีพอมันรู้สึกอยากอยู่กับตัวเองเนอะ ก็อยากอยู่ แต่ไม่ได้เครียดหรืออะไรนะอยู่ ๆ ก็อยากเงียบเอง อยู่ ๆ ก็คุยเล่นอะไรให้ฟัง อยู่ ๆ ก็อาจจะไปคุยเล่นด้วย แล้วแต่อารมณ์ เดาอารมณ์ตัวเองยากเหมือนกันครับแล้วแต่ฟีล ส่วนปิงก็เป็นน้องที่น่ารักครับ เป็นคนละเอียดในการทำงาน เค้าจะเป็นคนละเอียดจริง ๆ นะบอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ละเอียดมาก (หัวเราะ)”

มันยังมีบทไหนไหมที่เราพอแสดงแล้วรู้สึกประหม่ากับมันอยู่ที่เราเล่นในเรื่อง?

มีน : “ของผมน่าจะเป็นพาร์ตของตอนที่มีความสุขมากกว่า ผมไม่รู้นะ ผมเป็นคนเล่นบทมีความสุขแล้วมันไม่สุด เล่นแล้วมันเกร็งเล่นแล้วมันเขิน บอกไม่ถูกเหมือนกันน่าจะเป็นอันนี้แหละ”

ปิง : “ผมว่าบางซีนที่มีความจริงจัง คือตอนเราแสดงเราคิดว่าหน้าเราดูจริงจังมาก แต่บางทีมาดูทำไมหน้าเรายังยิ้ม ๆอยู่ (หัวเราะ) ช่างแต่งหน้าก็บอกผม ทำไมปิงจะโกรธกัน แต่หน้าเธอเหมือนมันยิ้มตลอดเวลา ซึ่งผมก็เออก็จริงนะ เพราะว่าเวลาผมดูผมจะชอบจับผิดตัวเองตลอดเวลา อะไรนิดนึงผมจะแบบไม่น่าเลย ไม่น่าอย่างนี้อย่างนู้น ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมหน้าผมยิ้มแต่บางทีก็โอเคนะ แต่ผมติดขมวดคิ้วคือผมเป็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว พูดแค่นี้ผมก็ขมวดคิ้วแล้ว”

ถามถึงฉากกุ๊กกิ๊ก เลิฟซีนบ้าง คู่กันตอนแรก ๆ มีการเขินกันไหม?

ปิง : “เขินครับ (อมยิ้ม) จูบให้นัวไปเลยเทคนึงจบ (ยิ้ม) ผมก็คิดว่าเทคนึงจบ จะได้จบจบเลย เพราะว่ามันจะได้เปลี่ยน”

มีน : “ใช่ครับผม ก็ช่วย ๆ กันมากกว่า”

แล้วเราสองคนมองภาพอนาคตอีก 10 ปียังไง?

ปิง : “น่าจะหล่อขึ้นครับ (หัวเราะ) ล้อเล่น ก็น่าจะแบบโตขึ้นแล้วก็แบบว่ามีอะไรที่แบบมั่นคงมากขึ้นในชีวิต มีอะไรเป็นของตัวเองมากขึ้นครับ”

มีน : “ผมก็อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองครับ แล้วก็มีงานในวงการได้รับบทที่แบบตัวเองชอบอะไรอย่างนี้”

พูดถึงพาร์ตแฟนคลับนิดนึงหลาย ๆ คนเค้าเป็นกำลังใจให้เราสองคนมากมีอะไรอยากบอกเค้าไหม?

มีน : “อยากขอบคุณคนที่ติดตามมาตั้งแต่วันแรก ๆ เลย ตั้งแต่แบบก่อนเข้าวงการ ก่อนที่มีนกับปิงมาเจอกันอีก เราอยากขอบคุณที่ติดตามกันมานานมากแล้วก็ขอบคุณที่ซัพพอร์ทแล้วก็เป็นกำลังใจให้ในทุก ๆ เรื่องแล้วก็ช่วยกันปั่นเทรนด์ต่าง ๆ อยากขอบคุณมากเลย ถ้าแบบขาดตรงนี้ไปนี่คือผมก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไปครับ”

ปิง : “ก็ขอบคุณแฟนคลับ AREA86 ทุก ๆ คนนะครับ ทุก ๆคนก็คือซัพพอร์ทเรามาตลอดไม่ว่าเราจะไปงานไหน อีเวนต์หรือแบบอะไรก็ตาม แฟนคลับก็คอยให้กำลังใจคอยช่วยปั่นเทรนด์ แฟนคลับก็จะอยากให้ลูกมีงาน อยากให้ลูกดัง อยากให้ลูกอย่างนู้นอย่างนี้ เค้าก็จะเป็นฟีลมัมหมี รู้สึกว่าเป็นความรักที่ได้มาในชีวิตอีกแบบนึงมาก ๆ เลย ก็รู้สึกดีใจมาก ๆ จริง ๆ ครับ ก็อยากขอบคุณทุกคนจริง ๆ เนอะ ขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ ครับ”

สุดท้ายฝากผลงานนิดนึงว่าจะมีงานอะไรต่อไปในอนาคตบ้าง ?

มีน : “ผมก็ฝากซีรีส์เรื่อง “the Rebound” ครับ ถ้าใครอยากดูแบบว่ารวดเดียวจบเลยก็ดูได้ทาง Viu นะครับ ที่เดียวเท่านั้น ฝากไปดูหลาย ๆ รอบเลยครับ”

มีน : “แล้วก็ถ้ามีผลงาน ก็จะมาอัปเดตเรื่อย ๆ ก็ฝากติดตามที่ Mchoice Artist ครับดูคลิปได้ในคลิปตอนนี้ไปดูเลยมีนปิงไปทั่วต่างประเทศ ไปนู่นไปนี่ ไปกินไป หรือว่ามีคนอื่น ๆ ในค่ายอีกนะครับ ฝากติดตามพวกเราให้กำลังใจเราและดูงานเราผ่าน Viu ด้วยนะครับ”

ยิ่งได้คุยและรู้จักสองหนุ่ม “มีน-ปิง” ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่พัฒนาตัวเองเสมอ และรักแฟน ๆ ของเขามาก ๆ ไหนจะงานที่ทำอีกก็ตั้งใจอย่างมาก เชื่อว่าใครได้ลองติดตามงานของเขาแล้ว จะหลงรักเขาทั้งสองคนได้อย่างแน่นอน.

เรื่อง-ภาพ : สมคิด แซ่คู