เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. และ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. แถลงความคืบหน้ากรณีจับกุมผู้ต้องหา 18 ราย ที่เป็นผู้บริหารระดับบิ๊กบอสของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป

พล.ต.ต.โสภณ เปิดเผยว่า ภาพรวมการรับแจ้งของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)  จนถึงปัจจุบัน ใช้ระยะเวลา 9 วัน มีผู้เสียหาย 2,170 ราย มูลค่าความเสียหาย 841 ล้านบาท ในวันนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำชับแก่หน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ ให้รับแจ้งความโดยยึดต้นแบบของตำรวจสอบสวนกลาง ในการดำเนินการจัดทำศูนย์รับแจ้งความให้กับประชาชนทั่วทั้งประเทศ เน้นย้ำว่าการรับแจ้งของประชาชนให้ถือเป็นเรื่องสำคัญจะไม่มีการบ่ายเบี่ยงไม่รับแจ้งความโดยเด็ดขาด หากมีกรณีการไม่รับแจ้งความ จะมีการดำเนินการทางวินัยและจะมีการดำเนินการในด้านของการบริหารงานบุคคลอีกด้วย ฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาที่ บช.ก. สามารถไปแจ้งความยังจุดที่อยู่ตามภูมิลำเนา ที่อยู่อาศัยหรือจุดที่สะดวกในทุกท้องที่

ขณะนี้ยังมีการรับแจ้งความอย่างต่อเนื่อง ส่วนระยะเวลาในการฝากขังเป็นไปตามกรอบระยะเวลาของกฎหมาย 4 ฝาก 48 วัน เชื่อว่าจะสามารถทำงานได้ทัน หากมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมก็เป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนยังประเมินพยานหลักฐานที่แสวงหามาได้อยู่ รวมถึงคำให้การของพยานบุคคลที่เข้ามาเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้มีการคัดแยกแบ่งผู้เสียหายออกเป็นกลุ่ม หากมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความเรื่อยๆ เชื่อว่าจะไม่กระทบกับรูปคดีและพยานหลักฐานที่ได้รวบรวมไว้ โดยผู้เสียหายสามารถรวบรวมหลักฐานการโอนเงินข้อความแชตที่มีการติดต่อขอให้รวบรวมไว้และรีบดำเนินการมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนโดยเร็ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากการที่ บอสพอล ขอให้ปากคำเพิ่มเติม รวมไปถึงกระแสข่าวที่มีนอมินี ให้เข้ามาแจ้งความจะเป็นการดึงเวลา ให้ทำสำนวนล่าช้าหรือไม่นั้น พล.ต.ต.โสภณ ระบุว่า เชื่อว่าสามารถทำได้ทันแน่นอน

พล.ต.ต.โสภณ กล่าวต่อว่า ทาง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. สั่งการให้จัดเจ้าหน้าที่ในการสืบทรัพย์ และเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องคริปโต โดยได้มอบหมายให้ บก.ปอศ. ที่มีความชำนาญในเรื่องทำคดีเกี่ยวกับสินทรัพย์และคริปโต ให้เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือพนักงานสอบสวนด้วยอีกส่วนหนึ่ง

เท่าที่ทราบทรัพย์สินที่ยึดมามีรถจำนวน 24 คัน, เงินสด 7.5 ล้านบาท, นาฬิกา 51 เรือน, กระเป๋าแบรนด์เนมและสินค้าแบรนด์เนมมีจำนวนมาก โดยรวมสินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 210 ล้านบาท  ซึ่งตอนนี้มีการขยายผลอย่างต่อเนื่อง และยอมรับว่ามีผู้ต้องหาบางรายได้ทำการยักย้ายถ่ายเทจำหน่ายถ่ายโอนทรัพย์สิน ในส่วนนี้ก็จะมีความผิดเพิ่มเติมในเรื่องของการฟอกเงินด้วย

ถามต่อว่าจากการที่สังคมตั้งคำถามว่าดีเอสไอจะแย่งทำคดีหรือไม่ พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ตนมองว่าดีเอสไอ เข้ามาช่วยในเรื่องของการสืบทรัพย์ และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยดำเนินการทางคู่ขนานกัน หากหลังจากนี้พบว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ก็จะส่งมอบให้ทางดีเอสไอ ทางตำรวจจะส่งสำนวนให้ทางดีเอสไอเอง โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการทำงานร่วมกับ ปปง. ในการรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนนี้ นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้มีการประสานให้ทางผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง, สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค, อย. รวมไปถึงสรรพากรด้วย

ส่วนความคืบหน้าการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องลอตที่ 2 นั้น ยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นดารา หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือแม้แต่พระสงฆ์ หากตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิด ตำรวจก็จะดำเนินคดีทั้งหมดไม่ละเว้น ซึ่งกรณีที่มีคนมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับพระรูปหนึ่งนั้น ตำรวจก็จะรับเรื่องตรวจสอบ แต่ขณะนี้ตนเองยังไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดหลักฐานที่มีการแจ้งความ.