กลบทุกกระแสร้อนในประเทศไทยสึนามิลูกใหญ่ “ดิไอคอน กรุ๊ป”ขายตรงฉาวกับภาพตำรวจล็อคตัว “18 บอส” บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ที่มีดาราแถวหน้าเข้าไปเกี่ยวข้องร่วมด้วย  เจอ 2 ฐานความผิด คือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ จากการร่วมดำเนินธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ มีข้อมูลผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ มีจำนวน  2,170 ราย มูลค่าความเสียหาย  841 378.2 ล้านบาท ยอดวันนี้ ณ วันที่18 ต.ค.

สิ่งสำคัญยังโหมเขย่าเข้าสู่วงการเมือง โดยมีคลิปเสียงนักการเมือง อักษรย่อ “ ส.” สนทนากับ “บอสพอล”  วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ดิ ไอคอน กรุ๊ป เรียกรับเงิน 30 ล้านบาท ตบทรัพย์  เพื่อเคลียร์คดีเปิดทางเจ้าหน้าที่รัฐ และการตรวจสอบในกรรมาธิการของสภา

แถมยังมีการแฉเรื่องราวของ “เทวดา” เข้ามาดูแลกิจการ บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป เพราะว่ากันว่า “บอสพอล” ดำเนินธุรกิจอย่างไม่ถูกต้องมาตั้งแต่แรก จึงเป็นเหตุให้เกิดการแทรกแซงในธุรกิจด้วย “เทวดา” และ “กุนซือ

แต่“สามารถ เจนชัยจิตวนิช” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ที่ถูกพาดพิงว่าเป็นเสียงคนในคลิป ออกมาปฏิเสธยืนยันชัดเจนไม่ใช่เป็นเสียงของตนเอง เป็นเสียงAI ดังนั้นหากใครมาพาดพิงหรือกล่าวหา จะดำเนินการทางกฎหมายทันที

งานนี้ “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด ไล่บี้ต่อบุกร้องยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้มีมติพรรคขับ “สามารถ เจนชัยจิตรวณิช” ออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ฐานทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับพรรค

ในที่สุด“บิ๊กป้อม” ทนกระแสไม่ไหวต้อง ปลด “สามารถ” พ้น รองโฆษกพรรค พปชร. และจ่อใช้ มติประชุม กก.บห.ขับ 29 ต.ค.นี้

จึงต้องมาดูกันว่า เรื่องราวการใช้กมธ.ในสภาผู้แทนราษฎรเป็นพื้นที่ตบทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องฉาวมาทุกยุคทุกสมัย “ประธานสภา” วันมูหมัดนอร์ มะทา จะตั้งกำแพงสกัดเหลือบที่คอยเซาะกร่อนศรัทธาความเชื่อมั่น ของการทำหน้าที่การตรวจสอบชั้นกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฏรได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้สภาผู้แทนราษฎรต้องเสื่อมเสียไปอีก  

ถือได้ว่าคดี“ดิไอคอน” สามารถกลบคดีร้อนๆการเมือง เบียดกระแสการเมืองร้อนให้ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลบลมร้อน ได้หายใจสะดวกขึ้นมาบ้าง 

ล่าสุด “นายกฯอิ๊งค์” ได้click คิกออฟแคมเปญ “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส”  ดึง “รายใหญ่” ช่วย “รายเล็ก” ลดต้นทุนผู้ค้า ลดค่าครองชีพประชาชน ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลัก ผลักดันขับเคลื่อนโครงการ หัวงกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 1.1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการรายเล็ก

ควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องจนถึงมกราคมปี 68 ใน 3 ส่วนที่สำคัญ คือ 1. ลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการรายเล็ก อาทิ ลดค่าเช่าร้าน หรือ ลดค่าเช่าแผง  2.การเพิ่มพื้นที่ขายให้ผู้ประกอบการรายเล็กโดยการสนับสนุนพื้นที่ของส่วนราชการและเอกชน และ 3.การลดค่าครองชีพให้กับประชาชนด้วยการจับมือกับผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่ เพื่อลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค

ซึ่ง “นายกฯอิ๊งค์” บอก โครงการนี้จะเป็นการช่วยเศรษฐกิจไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง จะแก้ปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หลังประชาชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะพ่อค้า-แม่ขายบ่นว่าการค้าขายเงียบเหงา รัฐบาลจึงจัดโครงการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นการช่วยเหลือประชาชนในทุกมิติ

“นายกฯอิ๊งค์” ยังหยอดความหวังต่ออีก โดยขอให้ติดตามนโยบายต่างๆที่รัฐบาลจะเสนอต่อประชาชนในภายภาคหน้า การดำเนินการนี้ถือเป็นโครงการต่อเนื่อง จากการแจกเงินหมื่นที่รัฐบาลดำเนินการไปแล้วกับกลุ่มเปราะบาง ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.เติมเงินลงไปในระบบครั้งใหญ่กว่า 145,000 ล้านบาทกับกลุ่มแรกไปแล้ว

พร้อมเรียกประชุมทีมที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี มาหารือที่บ้านพิษณุโลก ถกช่องทางการสร้างรายได้ประเทศ เตรียมดันนโยบายเต็มสูบ ถือเป็นโอกาส “นายกฯอิ๊งค์” ได้แสดงฝีมือให้ไม่เสียชื่อลูกพ่อ“ทักษิณ”ส่งผลให้คนไทยลืมตาอ้าปาก

แม้จะเจอลมร้อนคดีตากใบ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาค 4 ได้ส่งหนังสือยื่นลาออกจากสส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยแล้ว แต่ก็ถือว่าช้าเกินเหตุจนเกิดเป็นไฟลามทุ่ง ขุดวาทะกรรม “โจรกระจอก” ที่ “ทักษิณ ชินวัตร”เคยพูดเอาไว้ขุดขึ้นมาพูดกันในช่วงนี้พร้อมกระแสความรุนแรงทางภาคใต้ ที่เกิดถี่ขึ้น บวกกระแสเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งนำจำเลย ทั้ง 7 คนกลับสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมจี้ให้พรรคเพื่อไทยแจงข้อสงสัยหนังสือลาออกของ “พิศาล”ส่งมาได้อย่างไร

และยิ่งพรรคประชาชาติออกมาจี้พรรคเพื่อไทยต้องเร่งดำเนินการ เพราะระยะเวลาที่เหลือ 9 วันพรรคประชาชาติมีความห่วงใยในฐานะที่อยู่ในพื้นที่อยากให้ 7คนที่หนีคดีกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว  เพราะสามารถไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ การกลับมาสู้คดีไม่ได้หมายความว่าศาลประทับ ฟ้องแล้ว ตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว อยากเดินหน้าให้ผดุงความยุติธรรมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่าก่อให้เกิดเงื่อนไขขึ้นมาใหม่ในพื้นที่

“พรรคประชาชาติได้ชี้ถึงสถานการณ์ในภาคใต้ที่เป็นอยู่ จากอดีต ปัจจุบัน ถึงอนาคต ที่จะกลายเป็นเงื่อนไขใหม่กับกรณีคดีตากใบ”

ถือได้ว่าเรื่องนี้ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียรังวัด ปิดโอกาส“พรรคเพื่อไทย”จะได้เข้ามาตีกินได้ถ้ามีการเลือกตั้ง ตอนนี้รัฐบาลเหลือเวลาอีกไม่ถึง 3 ปี

ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ จะหาหนทางพิเศษใด ในการนำตัว “พล.อ.พิศาล” และพวก กลับมาขึ้นศาลจังหวัดนราธิวาสให้ได้ก่อนวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะเป็นวันที่คดีหมดอายุความ ถ้าตามตัวมาได้ก็จะแสดงถึงความจริงใจได้ในระดับ1 ไม่ใช่เป็นแค่เพียงฉากละคร

ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยยังเจอกระแสลมร้อนพรรคร่วมด้วยกันเองที่ขบเหลี่ยมปีนเกลียวไม่ลงรอย ทั้งในเรื่องการทำประชามติที่พรรคเพื่อไทยต้องการทำครั้งเดียว แต่ “พรรคภูมิใจไทย” ต้องการทำ 2 ครั้ง เหมือนกันการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ และมาตรา 112 ที่เห็นไม่ต่างกัน

ล่าสุดที่ “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” รองประธานสภาคนที่ 1 ที่ขึ้นทำหน้าที่ประธานการประชุมสภา ต้องชิงปิดประชุมสภากะทันหัน เลื่อนโหวตรายงาน กมธ.นิรโทษฯ  ของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมี “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกมธ. ศึกษาเสร็จแล้ว ไปสัปดาห์หน้า  หลัง “สส. ”ค้านห้ามแตะ มาตรา 112  ละเมิดสถาบันฯ

ต้องจับตาว่าในวันที่ 21 ตุลาคม ที่พรรคร่วมรัฐบาลได้นัดรับประทานอาหารร่วมกันจะหาจุดตรงกลางตกลงกันได้หรือไม่ ถือว่าพรรคร่วมที่อยู่ในซีกอนุรักษ์นิยม ยังสามารถคุมเกมนี้ได้ โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นพรรคอันดับ 2 และมีเสียงสว.สีน้ำเงินอยู่ในกำมืองานนี้ถือเป็นการวัดพลังให้เห็นชัดๆ

ขณะที่ฟากพรรคประชาชนก็รุ่มๆดอนๆ แม้จะเปิดประเด็นเด็ดตามหาขุมทรัพย์ของกองทัพไทยอย่างจี๊ดจ๊าด แต่ก็ต้องมาสะดุดกับออร่าของผู้นำใหม่ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ที่ไม่เฉียบ กระแสไม่แรงเหมือนหัวหน้าพรรคคนก่อนๆ โดยเฉพาะ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ทำให้ก้าวย่างของพรรคประชาชนยังไม่ถึงลูกถึงคน

แต่ตอนนี้ เริ่มเดินหน้าจัดแคมเปญใหญ่ “เท้ง ทั่วไทย” วางแผนเดินสายทั่วประเทศภายใน 1 ปีหวังทวงศรัทธาประชาชนกลับคืนมา

ต้องจับตาดูว่ายุทศาสตร์ของพรรคส้มจะปังเปรี้ง หรือแป๊ก เพราะหลังจากที่ “ณัฐพงษ์” ขึ้นมานำทัพไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งนายกอบจ.ราชบุรี หรือเลือกตั้งซ่อมสส.พิษณุโลก เขต 1 ก็ยังไม่เคยชนะ