เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา)  เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา มีวาระการพิจารณาตั้งกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ที่สภาสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบด้วยกับการแก้แก้ไขเพิ่มเติมของวุฒิสภา เกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบให้เสนอรายชื่อต่อที่ประชุมวุฒิสภา  ในวันจันทร์ที่ 21 ต.ค.นี้ เพื่อตั้งเป็นกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจำนวน 14 คน ในสัดส่วนของวุฒิสภา ประกอบด้วย 1. พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย 2.นายธวัช สุระบาล 3.พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ 4.นายนิเวศ พันธ์เจริญวรกุล 5.นายอภิชาติ งามกมล 6.นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล 7.พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร  8.นายกมล รอดคล้าย 9.นายชีวะภาพ ชีวะธรรม 10.นายเอนก วีระพจนานันท์ 11.นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ 12นายพิชาญ พรศรีประทาน 13.นายสิทธิกร ธงยศ และ 14.นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตรนั้น

นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ กล่าวว่า หากดูคำอภิปรายทั้ง สว. หรือแม้แต่ สส.พรรคภูมิใจไทย ที่สนับสนุนการกลับไปใช้ระบบเสียงข้างมาก 2 ชั้น จนเกิดการขัดกันของ 2 สภา จนมาเป็นการตั้ง กรรมาธิการร่วมครั้งนี้ มาจากการอ้างเรื่องการให้ความสำคัญของระบอบประชาธิปไตย อยากฟังเสียงคนทุกคน ทุกคนแม้กระทั้งคนที่อย่างไรก็ไม่ออกมาใช้สิทธิออกเสียง อย่างประชามติ 2 ครั้งที่ผ่านมาก็กว่า 40% นั้นเป็นเงื่อนไขของการผ่านหรือไม่ผ่านประชามติด้วยนั้น

“และเหตุใด สว.เสียงส่วนน้อยที่ลงมติไม่เห็นชอบกับการใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้นซึ่งมีอยู่ 19 คนนั้น กลับไม่มีชื่อในตัวแทนเป็น กรรมาธิการร่วมฝั่ง สว.ที่จะไปคุยกับ สส. เลย” นายเทวฤทธิ์กล่าว.