เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 17 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน ปปง. โดยส่วนประชาสัมพันธ์ได้เผยแพร่เอกสารข่าวแจกสื่อมวลชน ระบุใจความว่า ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมครั้งที่ 12/2567 วันที่ 17 ต.ค. 67 ที่ประชุมได้มีมติในรายคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ดังนี้ 1.มอบหมายให้ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รายคดี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ประกอบกับสำนักงาน ปปง. ได้รับรายงานจากสถาบันการเงินเพิ่มเติม ว่า มีผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการกระทำความผิดได้มีคำสั่งให้ขายหลักทรัพย์ จึงมีเหตุที่อันควรเชื่อได้ว่ามีการโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) จำนวน 1 รายการ เป็นเงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์มูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท ไว้เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ ตามมาตรา 48 วรรคหนึ่งแห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บุคคลในคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งถูกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินโดยคณะกรรมการธุรกรรมในครั้งนี้ นอกเหนือจาก 4 รายชื่อก่อนหน้านี้ที่ถูกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินโดยอำนาจของเลขาธิการ ปปง. มูลค่า 125 ล้านบาทนั้น คือ บอสปีเตอร์ หรือนายกลด เศรษฐนันท์ มือขวาของบอสพอล

2.มอบหมายให้ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดรายคดี บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด กับพวก (น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์) ซึ่งเป็นความมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ทั้งนี้ ในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองคดีข้างต้น สำนักงาน ปปง. ได้ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้พนักงานสอบสวนพิจารณาใช้อำนาจตามมาตรา 132 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดดังกล่าวไว้ตรวจสอบเบื้องต้น และพิจารณาส่งให้สำนักงาน ปปง. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อีกทั้งหากสำนักงาน ปปง. ตรวจพบว่าผู้กระทำความผิดหรือผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ในสองรายคดีดังกล่าวมีการโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดนั้นจะได้ดำเนินการใช้อำนาจยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นต่อไป อนึ่ง หากมีผลการดำเนินการที่เป็นสาระสำคัญในสองรายคดีดังกล่าว สำนักงาน ปปง. จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป.