เมื่อวันที่ 17 ต.ค. นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวว่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้กำชับเรื่องอาหารปลอดภัย ปราบปรามสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมายโดยเฉพาะการนำสารเร่งเนื้อแดงมาใช้ในสัตว์จะทำให้ต่างประเทศปฏิเสธเนื้อสัตว์จากประเทศไทย ทำให้ผู้เลี้ยงสัตว์ได้รับผลกระทบ ราคาตกต่ำ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ต.ค. กรมปศุสัตว์ ได้รับเรื่องร้องเรียน กรณีมีสถานที่ผลิตและจัดจำหน่ายยาสัตว์เถื่อน และสารเร่งเนื้อแดงรายใหญ่ภายในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งต้องสงสัยว่ามีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 และ พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 จึงสนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่กองควบคุมอาหารและยาสัตว์ และเจ้าหน้าที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองกำกับการ 2 บก.ปคบ. บุกค้น บริษัทปฐม อินเตอร์เทรด จำกัด ในพื้นที่อำเภอกำแพงแสน 2 แห่ง และอำเภอบางเลน 1 แห่ง (เจ้าของคนเดียวกันทั้งหมด) โดยมีลักษณะเป็นสถานที่ผลิตยาและอาหารสัตว์ ในรูปแบบโกดังขนาดใหญ่ ซึ่งภายในสถานที่ดังกล่าวพบผลิตภัณฑ์ยาสัตว์ไม่มีเลขทะเบียน อาหารสัตว์ผสมสารเร่งเนื้อแดง เครื่องมือเครื่องจักรสำหรับการผลิต และจากการตรวจสอบใบอนุญาตจำหน่ายอาหารสัตว์และยาสัตว์ พบว่าสถานประกอบการดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายอาหารสัตว์และยาสัตว์ จึงได้ทำการยึดของกลางยาสัตว์และอาหารสัตว์ไม่มีทะเบียน รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด โดยแบ่งเป็น

1. ยาสัตว์ไม่มีทะเบียน จำนวน 224 รายการ ซึ่งเป็นยาที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อาจไม่มีสารสำคัญ หรือปริมาณสารตามที่กำหนด ไม่มีประสิทธิภาพในการรักษา และอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง
2. อาหารสัตว์ผสมสารเร่งเนื้อแดง จำนวน 7 รายการ ซึ่งสารเร่งเนื้อแดงที่ผสมในอาหารสัตว์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งการเจริญเติบโต ลดปริมาณไขมันในเนื้อสัตว์ ตลอดจนเพิ่มปริมาณกล้ามเนื้อ และทำให้เนื้อสัตว์สีแดงน่าบริโภค ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค เช่น กระตุ้นการเต้นกล้ามเนื้อหัวใจ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ โรคลมชัก โรคความดันโลหิตสูง ตลอดจนหญิงมีครรภ์ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับอันตรายจากสารเร่งเนื้อแดงที่ตกค้างในเนื้อสัตว์

3. เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการผลิต จำนวน 9 รายการ ซึ่งเป็นเครื่องมือผลิตยาที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

รวมของกลาง จำนวน 240 รายการ มูลค่าของกลางประมาณ 100,434,840 บาท พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด และจับกุมผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 2 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

นายเอกภาพ ระบุ ถือเป็นอันตรายที่แฝงไว้ เป็นภัยต่อผู้บริโภค เช่น กระตุ้นการเต้นกล้ามเนื้อหัวใจ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคลมชัก โรคความดันโลหิตสูง และหญิงตั้งครรภ์ 

พร้อมฝากเตือนภัยผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ยาสัตว์และอาหารสัตว์ ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ เพื่อความปลอดภัย โดยหากเป็นยาหรืออาหารสัตว์ สินค้าดังกล่าวต้องได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมปศุสัตว์ และหากสถานพยาบาลสัตว์หรือสถานประกอบการใด นำยาสัตว์ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเหล่านี้ไปจำหน่ายและใช้ในสถานพยาบาลของตนจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 72 (4) ผลิต ขาย หรือนำ หรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา โทษตาม มาตรา 122 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ หากพบการกระทำลักษณะข้างต้น หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225-6888 หรือแจ้งข้อมูลผ่าน Application : DLD 4.0 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง