สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน แถลงต่อที่ประชุมสภาแห่งชาติ เกี่ยวกับ “แผนแห่งชัยชนะ” ในการทำสงครามกับรัสเซีย ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 2565
แผนการดังกล่าวมีสาระสำคัญแบ่งออกเป็น 5 ข้อ ซึ่งประเด็นสำคัญรวมถึง “การที่ยูเครนจะไม่มีวันเสียสละอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน” และกล่าวว่า การทำสงครามกับรัสเซีย “ไม่ใช่วิกฤติแช่แข็ง”


ขณะเดียวกัน เซเลนสกีเรียกร้องให้องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) เดินหน้ากระบวนการ เชิญยูเครนเข้าเป็นสมาชิก “ทันที” โดยให้เหตุผลว่า รัสเซียกำลังสั่นคลอนเสถียรภาพด้านความมั่นคงของยุโรป เนื่องจากรัฐบาลเคียฟยังไม่ได้เป็นสมาชิกของนาโต


อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สมาชิกแถวหน้าของนาโต โดยเฉพาะสหรัฐที่เป็นหัวเรือใหญ่ กล่าวว่า เส้นทางการเป็นสมาชิกนาโตของรัฐบาลเคียฟ “จะเปิดกว้างมากขึ้น” เมื่อสงครามกับรัสเซีย “ยุติอย่างสมบูรณ์”


ยิ่งไปกว่านั้น มีการวิเคราะห์เช่นกันว่า หากยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโตตั้งแต่ตอนนี้ ยิ่งเท่ากับเป็นการ “ทำสงครามโดยตรง” กับรัสเซีย จากการที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นาโตพยายามเลี่ยงด้วยการใช้วิธีส่งอาวุธให้แทน


ผู้นำยูเครนยังคงเดินหน้าเรียกร้องให้รัฐบาลตะวันตก เปิดทางอย่างเป็นทางการ ให้รัฐบาลเคียฟสามารถใช้อาวุธนำวิถีพิสัยไกล โจมตีเป้าหมายในรัสเซีย และเรียกร้องให้อีกฝ่ายใช้ “มาตรการป้องปรามเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมซึ่งไม่ใช่นิวเคลียร์” เพื่อปกป้องยูเครจาก “ภัยคุกคามทางทหาร” จากรัสเซีย


นอกจากนี้ เซเลนสกีวิจารณ์จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ที่มอบความสนับสนุนให้แก่รัสเซีย โดยเรียกกลุ่มประเทศเหล่านี้คือ “พันธมิตรอาชญากร”.

เครดิตภาพ : AFP