เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลได้มีการแชร์โพสต์ของผู้เป็นพ่อและอาของน้องนาเดียร์ นักเรียนอายุ 6 ขวบ เรียนชั้น ป.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ตรัง พร้อมกับแนบภาพ ถึงเหตุการณ์ที่น้องนาเดียร์ ได้ถูกน้ำร้อนจากถ้วยต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลวกบริเวณขาและเท้าด้านซ้าย จนเป็นแผลพุพอง มีตุ่มน้ำขึ้น ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นภายในโรงเรียนดังกล่าวเมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (15 ต.ค.) ซึ่งทางผู้เป็นพ่อและอา ได้ระบุข้อความภายในโพสต์ในลักษณะทวงหาความยุติธรรม และตำหนิการกระทำของคุณครู ที่ปล่อยปละละเลย เนื่องจากภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ ทางครูประจำชั้นไม่ได้นำตัวน้องนาเดียร์ส่งโรงพยาบาล โดยต้องรอให้ผู้ปกครองมารับ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เข้าพบกับ พ่อของน้องนาเดียร์ อายุ 36 ปี อาชีพช่างไฟฟ้า ชาว ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง ซึ่งได้เฝ้าลูกสาวอยู่ที่ รพ.ศูนย์ตรัง พร้อมกับเล่าว่า ตนเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว มีลูกสาว 2 คน น้องนาเดียร์เป็นลูกคนเล็ก และเรียนอยู่โรงเรียนดังกล่าวทั้ง 2 คน โดยวันนี้เป็นวันสอบของลูกวันสุดท้าย ซึ่งเมื่อช่วงเที่ยงขณะทำงานอยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 5-6 กม. ได้รับสายจากทางโรงเรียนแจ้งว่าลูกสาวโดนน้ำร้อนลวกที่โรงเรียน ตนก็คิดว่าคงเล็กน้อย ลูกคงไม่เป็นอะไรมาก จึงลางานกะทันหัน รีบขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าฝนไปหาลูกทันที

เมื่อไปถึงก็เห็นว่าลูกนั่งอยู่บนเก้าอี้ และขาพาดกับเก้าอี้อีกตัว ในสภาพเจ็บปวด ร้องไห้อยู่ใต้อาคารเรียน มีแผลพุพองเต็มเท้า รวมทั้งมีตุ่มน้ำพองขึ้น ซึ่งขณะนั้นก็ไม่เห็นว่าจะมีคุณครูท่านใดอยู่กับลูกเลย มีเพียงแค่เด็กนักเรียน และเพื่อนๆ นั่งล้อมลูกอยู่เท่านั้น ตนจึงได้ให้ลูกสาวตนคนโตซึ่งเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน พาขึ้นไปพบคุณครูประจำชั้นที่บนอาคารเรียน ก็พบเห็นว่าครูกำลังถ่ายภาพอยู่กับเด็กนักเรียน ตนจึงรีบสอบถาม ครูได้บอกว่า เหตุเกิดช่วงพักเที่ยง เพราะเพื่อนของลูกไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีแม่ค้ามาขายในโรงเรียน แต่ปรากฏว่าถ้วยน้ำร้อนตกใส่เท้าลูก โดยหลังเกิดเหตุแล้วปรากฏว่าครูยังได้ให้ลูกสาวขึ้นไปสอบต่อบนห้องเรียน ทั้งๆ ที่เจ็บอยู่

และตนถามครูกลับทันทีว่าทำไมครูถึงไม่ส่งลูกไปโรงพยาบาล หรือเรียกรถพยาบาล 1669 มารับไปส่งก่อน ซึ่งครูก็บอกว่า ตอนนั้นคิดว่าลูกตนคงจะเจ็บไม่เยอะ เพราะช่วงแรกแผลยังไม่พุพอง จึงได้ประสานผู้ปกครองมารับไปส่งโรงพยาบาลเอง ซึ่งเมื่อตนมาถึงเป็นช่วงที่ฝนตกหนัก และขี่จักรยานยนต์มาก็พาลูกไปโรงพยาบาลเองไม่ได้ จึงโทรฯ หาเพื่อนที่มีรถยนต์กระบะให้ช่วยมารับลูกส่งโรงพยาบาล

หลังจากนำลูกมาถึงโรงพยาบาล ตนก็โพสต์ลงเฟซบุ๊กเพื่อทวงถามหาความรับผิดชอบ และต้องการความเป็นธรรมว่าทำไมโรงเรียนหรือครูไม่รีบนำลูกตนส่งโรงพยาบาลทันที ต่อมาน้องสาวตน ซึ่งเป็นอาของลูกได้โพสต์เฟซบุ๊กของเขาซ้ำไปอีกโพสต์ จนมีคนแชร์และวิพากษ์วิจารณ์ออกไปเยอะ หลังจากนั้นช่วงเย็นปรากฏว่าครูประจำชั้นได้เข้ามาหาตนถึงที่โรงพยาบาล และบอกว่าครูรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่าลูกคงจะไม่เป็นอะไรเยอะ และที่ทราบจากลูก ลูกบอกว่าหลังจากถูกลวกได้มีรุ่นพี่นักเรียนเข้ามาช่วยทายาเบตาดีนให้ และต่อมาคุณครูก็เข้ามาทาเบตาดีนให้ซ้ำอีกรอบ

ความประสงค์ของตนอยากให้ทางโรงเรียนออกมาแถลงขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการกระทำแบบนั้นไม่ถูกต้อง ต้องดูแลเด็กนักเรียนให้ดีกว่านี้ มีความรับผิดชอบที่ดีกว่านี้ ไม่ว่าจะหนักหรือเบาก็ควรจะนำลูกส่งโรงพยาบาลทันที ไม่ใช่ต้องให้มานั่งรอผู้ปกครองมารับไป หากผู้ปกครองยุ่งไม่ได้รับสายมือถือแล้วลูกไม่นั่งรอจนถึงเลิกเรียนหรือ เมื่อลูกไปโรงเรียนก็ถือว่าเป็นลูกหรือผู้ปกครองของครูอีกคนหนึ่งแล้ว เพราะผู้ปกครองมั่นใจแล้วว่าครูต้องดูแลได้ ต้องช่วยกันดูแลไม่ใช่เล็กๆ น้อยๆ แล้วปล่อยผ่าน ทุกอย่างสำคัญหมด ฐานะคนเป็นพ่อเมื่อไปเห็นสภาพลูกสาวที่นั่งเจ็บปวด และนั่งร้องไห้ ตนเสียใจ รับไม่ได้

ตอนนี้ทางโรงเรียนต้องนำตัวลูกไปรักษากับแพทย์เฉพาะทาง และต้องนอนรักษาที่โรงพยาบาลไปก่อน เพราะกลัวว่าแผลจะติดเชื้อ เนื่องจากแผลอยู่ในระดับ 2 ถูกลวกผ่านชั้นผิวหนังไปถึงชั้นเนื้อ ซึ่งลูกก็ยังคงนอนร้องไห้อยู่ เพราะเจ็บปวด ส่วนทางครูประจำชั้นก็ได้ขึ้นมาพบที่โรงพยาบาล บอกว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่าอาจจะไม่เจ็บเยอะ พร้อมเอาเงินส่วนตัวจำนวน 1,000 บาทให้ผู้ปกครองก่อนเบื้องต้น และพูดฝากมากับคนรู้จักว่าให้ตนลบโพสต์เฟซบุ๊กออก เพราะมีคนโทรฯ ไปสอบถามถึงเรื่องนี้กับทางโรงเรียนเยอะแล้ว

ผู้สื่อข่าวได้โทรฯ สอบถามไปยัง ผอ.โรงเรียนดังกล่าว ซึ่งได้กล่าวว่า ตนฝากขอโทษไปยังผู้ปกครอง เพราะเป็นความผิดพลาด ตอนนี้ตนอบรมอยู่ที่ จ.นครนายก ซึ่งมีรอง ผอ.รักษาการแทนอยู่ เหตุการณ์ตอนแรกครูเห็นว่าแผลยังไม่ผุพอง จึงได้นำเด็กไปทำแผลที่ห้องพยาบาล โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ทายาเบตาดีนให้เด็ก ปรากฏว่าทำให้แผลร้อน ตนจึงถามครูประจำชั้นว่าทำไมถึงไม่แจ้งไม่รายงานตนมาทันทีทันที ครูประจำชั้นบอกว่ายังไม่เห็นว่าจะเป็นแผลพุพอง ก็เลยไม่ได้นำไปส่งโรงพยาบาล เพียงแค่โทรฯ หาผู้ปกครอง อีกอย่างครูบอกว่ายังเหลือสอบอีกวิชาเดียว จึงได้ให้นักเรียนขึ้นไปสอบก่อนให้เสร็จ ส่วนสาเหตุเพราะว่าช่วงเที่ยงวัน เพื่อนของเด็กที่บาดเจ็บชวนไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และใช้น้ำร้อน ที่มีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาขายในโรงเรียน แต่ปรากฏว่าน้ำร้อนได้หกมาลวก ซึ่งตนสั่งห้ามมาตลอดว่าห้ามพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาขายในโรงเรียน เพราะเด็กจะต้องได้กินข้าวให้เรียบร้อย แต่วันนี้เป็นวันสอบ ก็ไม่รู้ว่าแม่ค้าแอบมาขายหรือยังไง

ที่ผ่านมาตนกำชับมาตลอดว่าอะไรที่เกิดขึ้นในโรงเรียนต้องรายงาน แจ้งผู้ปกครอง และต้องนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วนทุกกรณี เพราะเราไม่ใช่แพทย์ หลังจากนี้ต้องนัดคุยหาทางออกกับผู้ปกครอง ซึ่งตนกลับไปโรงเรียนวันที่ 17-18 ต.ค.นี้ ตอนนี้ก็ได้ให้ทางรอง ผอ.เข้ามาดูแลอยู่ที่โรงพยาบาล ประสานแพทย์ที่ดีที่สุดมารักษานักเรียน.