สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองไดอัมนีอาดีอู ประเทศเซเนกัล เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ว่าโครงการดังกล่าวของรัฐบาลเซเนกัล ซึ่งครอบคลุมระยะเวลา 25 ปี มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนผ่านจากการพึ่งพาและกู้หนี้ยืมสินจากต่างประเทศ และหันไปใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นและทุนมนุษย์แทน ซึ่งประธานาธิบดีบาสซิรู ดิโอมาเย ฟาเย ผู้นำเซเนกัล ให้คำมั่นไว้หลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา

ฟาเยและนายกรัฐมนตรีอุสมาน ซอนโก เปิดตัวโครงการนี้เพียง 1 เดือนเศษ ก่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติก่อนกำหนด ซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 17 พ.ย. ที่จะถึง หลังจากที่ 6 เดือนแรกของทั้งคู่เต็มไปด้วยการเผชิญหน้ากับฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งฝ่ายค้านครองเสียงข้างมาก จนกระทั่งฟาเยยุบสภา เมื่อกลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา

ผู้นำเซเนกัลกล่าวว่า “วาระการเปลี่ยนแปลงระดับชาติของเซเนกัล 2050” จะทำให้ประเทศแห่งนี้กลายเป็นผู้เล่นชั้นนำระดับภูมิภาค และเป็นต้นแบบการพัฒนาสำหรับทวีปแอฟริกา

อัตราการว่างงานของเซเนกัล ในไตรมาสที่สองของปีนี้ ซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือน ก.ย. อยู่ที่ร้อยละ 21.6 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่า แนวโน้มเศรษฐกิจเซเนกัลในช่วงที่เหลือของปียังคง “ท้าทาย”

เมื่อสิ้นเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ซอนโกกล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของเซเนกัลนั้น “เลวร้าย” หลังรัฐบาลทบทวนนโยบายการเงินสาธารณะ ซึ่งในภายหลัง เขาประณามความหายนะเหล่านี้ว่า เกิดจากการตัดสินใจและปฏิบัติที่ผิดพลาดของชนชั้นปกครอง นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส เมื่อปี 2503

ด้านนายซูเลมาเน ดิอัลโล ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวางแผนจากกระทรวงเศรษฐกิจเซเนกัล คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตระหว่างร้อยละ 6.5-7 ระหว่างปี 2568-2572

ทั้งนี้ รัฐบาลเซเนกัลมีแผนลดหนี้ของรัฐบาลกลาง ลงจากร้อยละ 83.7 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2566 เหลือร้อยละ 70 ในปี 2572 และตั้งเป้าลดการขาดดุลงบประมาณลงเหลือร้อยละ 3 ซึ่งตัวเลขโดยเฉลี่ยจากรัฐบาลอยู่ที่ร้อยละ 10.4 ตั้งแต่ปี 2562-2566 ส่วนอัตราเงินเฟ้อจะถูกควบคุมไว้ที่ประมาณร้อยละ 2 ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า

ด้วยแผนนี้ รายได้เฉลี่ยของชาวเซเนกัลจะเพิ่มขึ้นจาก 1,660 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 55,361 บาท) สู่ 2,468 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 82,284 บาท) คิดเป็นเกือบร้อยละ 50 ภายใน 5 ปีนับจากนี้.

เครดิตภาพ : AFP