เมื่อวันที่ 15 ต.ค. เวลา 09.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่ผู้เสียหายในคดีเกี่ยวกับบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป อยากให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษ ว่า ขณะนี้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน แต่ยังไม่ได้กระทำความผิด ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การกู้ยืมเงิน หรือแชร์ลูกโซ่ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันที่หวังเอาผู้สมัครสมาชิกมาเอาเงิน สินค้ามีบ้างหรือไม่มีบ้าง แต่ในคดีฉ้อโกงประชาชน เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจ แต่ถ้าเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ ก็จะมีหลักเกณฑ์เรื่องนี้อยู่ อย่างไรก็ตามต้องขอชื่นชมตำรวจที่ทำคดีได้เร็ว พร้อมเป็นห่วงเรื่องการสอบสวน ซึ่งสามารถที่จะนำมาเป็นคดีพิเศษได้ แต่ขอให้ตำรวจได้ทำงาน เพราะทราบว่าขณะนี้ใช้พนักงานสืบสวนในการทำคดีนี้กว่า 50 นาย ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอ

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า ส่วนการเอาทรัพย์สินมาคืนให้ผู้เสียหาย ดีเอสไอได้สั่งการให้ดูเกี่ยวกับเรื่องการฟอกเงินอยู่แล้ว หากจำนวนเงินเกินกว่า 800 ล้านบาท จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และถ้าหลักฐานเป็นประโยชน์ ก็จะส่งให้เป็นคดีพิเศษ เช่น การเอาอัยการมาร่วมสอบสวน ซึ่งจะเข้าถึงข้อมูลได้ แต่ขณะนี้เราต้องการช่วยเหลือประชาชน ในการดำเนินการทางแพ่ง โดยฟ้องคดีเป็นกลุ่ม หรือคดีคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อติดตามทรัพย์สินมาคืนผู้เสียหาย อย่างไรก็ตาม ได้มอบให้ดีเอสไอเป็นผู้ติดตามทรัพย์สินมาคืนให้กับผู้เสียหาย โดยเบื้องต้นทราบว่าทรัพย์สินอยู่ในถาวรวัตถุ ซึ่งอาจขอคืนเงินได้มากกว่า 300 ล้านบาท แต่ในรายละเอียดต้องสอบถามทางตำรวจ

เมื่อถามว่าผู้เสียหายและประชาชนกังวลว่าผู้เกี่ยวข้องกับบริษัทนี้ มีอัยการและตำรวจรวมอยู่ด้วย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในทุกคดี คือความเชื่อมั่นของประชาชน ดังนั้น คนทำงานในคดีนี้ต้องไม่อคติ อคติเพราะความชอบ อคติเพราะความผูกพัน ซึ่งตนยืนยันว่ารัฐบาลนี้พยายามยกระดับ ไม่อคติกับทุกเรื่อง เราจะให้พยานหลักฐานเป็นผู้พูด