‘เครื่องอบผ้า’ กลายเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่มีสมาชิกหลายคน หรือแม้แต่คนที่อาศัยอยู่คนเดียว เครื่องอบผ้าก็เป็นอุปกรณ์ทางเลือกที่ครัวเรือนที่หลายคนเลือกใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำความสะอาดเสื้อผ้า โดยเฉพาะในวันที่อากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการตากผ้า แต่การใช้งานเครื่องอบผ้าให้ถูกวิธีและมีประสิทธิภาพนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยให้เสื้อผ้าของคุณแห้งเร็ว ไร้กลิ่นอับ ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่อง และที่สำคัญยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

แล้วทำไมการใช้เครื่องอบผ้าจึงสำคัญและจำเป็นกับชีวิตเรา? นอกจากความสะดวกสบายที่กล่าวมาแล้ว เครื่องอบผ้ายังช่วยแก้ปัญหาเรื่องความชื้นในเสื้อผ้า ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรีย ส่งผลให้เกิดโรคผิวหนังได้ นอกจากนี้ การอบผ้ายังช่วยลดปัญหาเรื่องไรฝุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ได้อีกด้วย

หลายคนอาจมองว่าการใช้เครื่องอบผ้าเป็นเรื่องง่ายๆ เพียงแค่นำผ้าใส่ลงไปแล้วกดปุ่ม แต่แท้จริงแล้วการใช้งานเครื่องอบผ้าให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้นมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ควรรู้ เพื่อให้ผ้าของเราแห้งเร็ว ไร้กลิ่นอับ และเครื่องอบผ้าก็ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยาวนาน  ปัจจุบันมีเครื่องอบผ้าหลายระบบให้เลือกใช้ แต่ละระบบก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยให้คุณเลือกเครื่องอบผ้าที่เหมาะสมกับความต้องการ ลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการทำงานของเครื่องอบผ้าแต่ละประเภทกันก่อน โดยระบบการทำงานของเครื่องอบผ้า แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

1. เครื่องอบผ้าระบบลมร้อน (Venting)

เครื่องอบผ้าระบบลมร้อนเป็นระบบที่คุ้นเคยกันดี โดยทำงานโดยการเป่าลมร้อนเข้าไปในถังอบ เพื่อระเหยความชื้นออกจากผ้า จากนั้นจึงระบายอากาศร้อนและความชื้นออกสู่ภายนอกผ่านท่อระบายลม ดังนั้น การติดตั้งเครื่องอบผ้าระบบนี้จึงต้องมีพื้นที่ว่างสำหรับการต่อท่อระบายลม และควรติดตั้งในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ข้อดี: ทำให้ผ้าแห้งได้รวดเร็ว ข้อเสีย: ต้องมีพื้นที่สำหรับติดตั้งท่อระบายลม อาจไม่เหมาะสำหรับคอนโดหรือห้องที่มีพื้นที่จำกัด

2. เครื่องอบผ้าระบบควบแน่น (Condensing)

เครื่องอบผ้าระบบควบแน่นเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องต่อท่อระบายลมออกสู่ภายนอก ระบบนี้จะดักจับความชื้นที่ระเหยออกมาจากผ้า แล้วควบแน่นให้กลายเป็นน้ำ และเก็บไว้ในถังเก็บน้ำภายในเครื่อง ข้อดี: ไม่ต้องต่อท่อระบายลม เหมาะสำหรับติดตั้งในคอนโดหรือห้องที่มีพื้นที่จำกัด ข้อเสีย: ผ้าอาจยังมีความชื้นหลงเหลืออยู่บ้าง อาจต้องนำผ้าไปตากเพิ่มเติมเล็กน้อย

3. เครื่องอบผ้าระบบปั๊มความร้อน (Heat Pump)

เครื่องอบผ้าระบบปั๊มความร้อนเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยใช้หลักการทำงานคล้ายกับเครื่องปรับอากาศ ทำให้อุณหภูมิในการอบแห้งต่ำกว่าระบบอื่นๆ เหมาะสำหรับผ้าที่บอบบางหรือต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ข้อดี: อุณหภูมิในการอบแห้งต่ำ ช่วยถนอมเนื้อผ้า ประหยัดพลังงาน ข้อเสีย: ราคาค่อนข้างสูง ใช้เวลานานในการอบแห้งเมื่อเทียบกับระบบอื่นๆ

การเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านสักชิ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้า หรือเครื่องอบผ้า ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลได้อย่างตรงจุด ควรจะมาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของเครื่องอบผ้า และเครื่องซักอบผ้าเสียก่อน

เครื่องอบผ้า: ประสิทธิภาพสูง แต่ต้องใช้พื้นที่ เนื่องจากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่ออบผ้าให้แห้งโดยเฉพาะ จึงมีประสิทธิภาพในการอบผ้าได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผ้าแห้งเร็วและฟู ไม่ต้องตากผ้ากลางแดด ซึ่งอาจทำให้สีผ้าซีดจางหรือเกิดคราบเหลืองได้ นอกจากนี้ การอบผ้าด้วยเครื่องอบผ้ายังช่วยลดปัญหาเชื้อราและไรฝุ่นที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้อีกด้วย ข้อดี คือ ประสิทธิภาพสูง อบผ้าแห้งเร็วและฟู, ถนอมผ้า ช่วยรักษาสีผ้าและเนื้อผ้า, สะดวกสบาย ไม่ต้องตากผ้ากลางแดด และช่วยเรื่องสุขอนามัย ในการช่วยลดปัญหาเชื้อราและไรฝุ่น ส่วนข้อเสียนั้น เครื่องอบผ้าจำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้งค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องวางแยกจากเครื่องซักผ้า และการใช้งานเครื่องอบผ้าอาจทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น

เครื่องซักอบผ้า: สะดวก รวดเร็ว แต่ความจุอาจจำกัด เนื่องจากเครื่องซักอบผ้า เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอเนกประสงค์ที่รวมเอาทั้งระบบซักล้างและอบผ้าไว้ในตัวเดียวกัน ทำให้ใช้งานได้สะดวกสบาย ประหยัดเวลาและพื้นที่ เหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จำกัด ข้อดี คือ สะดวกสบาย สามารถซักและอบผ้าในเครื่องเดียว,ประหยัดพื้นที่: เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่จำกัด และยังช่วยให้ผ้าแห้งเร็ว ส่วนข้อเสีย จะเห็นได้ชัดว่าความจุของถังซักและถังอบอาจมีขนาดเล็กกว่าเครื่องอบผ้าโดยเฉพาะ, ประสิทธิภาพในการอบผ้าอาจไม่ดีเท่าเครื่องอบผ้าโดยเฉพาะ รวมถึงอายุการใช้งานต่ำ เนื่องจากมอเตอร์ทำงานหนัก จึงอาจมีอายุการใช้งานสั้นกว่า

มาถึงคิวของคู่มือใช้งานเครื่องอบผ้าอย่างถูกต้อง เพื่อให้เครื่องอบผ้าใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถยืดอายุการใช้งาน รวมถึงช่วยประหยัดเวลาและประหยัดพลังงาน ด้วย 4 วิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้ 1. เลือกเครื่องอบผ้าให้เหมาะกับความต้องการ ด้วยการคำนวณความจุก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องอบผ้า ควรพิจารณาจำนวนสมาชิกในบ้านและปริมาณผ้าที่ต้องอบ หากมีสมาชิกหลายคนและต้องใช้งานบ่อย ควรเลือกเครื่องอบผ้าที่มีความจุมากพอ ประกอบกับการเลือกประเภทของเครื่องอบผ้าให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มี เช่น เครื่องอบผ้าแบบตั้งพื้น หรือแบบแขวนผนัง และอย่างลืมพิจารณาพื้นที่ที่จะนำเครื่องอบผ้าไปติดตั้งด้วยว่ามีพื้นที่เพียงพอต่อการใช้งานและการซ่อมบำรุงหรือไม่

2. ทำความรู้จักกับโปรแกรมการอบผ้า เนื่องจากเครื่องอบผ้าสมัยใหม่มีโปรแกรมการอบผ้าให้เลือกหลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับชนิดของผ้าและระดับความแห้งที่ต้องการ ซึ่งก็มีตั้งแต่Iron dry: เหมาะสำหรับผ้าที่ต้องการความชื้นเล็กน้อย เพื่อให้ง่ายต่อการรีดCupboard dry: เหมาะสำหรับผ้าที่ต้องการความแห้งสนิท พร้อมนำไปเก็บเข้าตู้ได้ทันที ไปจนถึงExtra dry: เหมาะสำหรับผ้าที่มีความหนาและขนาดใหญ่ เช่น ผ้าห่ม ผ้านวม

3. วิธีการเตรียมผ้าก่อนอบ จุดนี้ก็สำคัญไม่แพ้กันอย่างการ ปั่นหมาด ก่อนนำผ้าเข้าเครื่องอบ ควรปั่นหมาดด้วยเครื่องซักผ้าก่อน เพื่อลดปริมาณน้ำในผ้าหรือการสะบัดและกลับด้าน ก่อนนำเข้าตู้อบก็ควรสะบัดผ้าเบาๆ เพื่อคลายรอยยับ และกลับด้านในออกด้านนอกเพื่อถนอมสีผ้าและป้องกันการเสียหายของกระดุมนอกจากนี้ ควรตรวจสอบกระเป๋าเสื้อผ้าให้เรียบร้อยว่าไม่มีสิ่งของตกค้าง เช่น เหรียญ ปากกา เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเครื่องอบผ้า

และ 4. วิธีการใส่ผ้าในเครื่องอบ ควรเริ่มตั้งแต่การกะปริมาณผ้าที่จะให้เหมาะสมกับปริมาณที่เครื่องอบผ้ากำหนด ไม่ควรใส่ผ้ามากเกินไป เพราะจะทำให้ผ้าไม่แห้งและอาจส่งผลเสียต่อมอเตอร์ของเครื่อง ที่สำคัญอย่าลืมกระจายผ้าให้ทั่วเครื่องอบผ้า ไม่ควรให้ผ้ากองรวมกันอยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เพื่อป้องกันเครื่องเสียสมดุล

สำหรับเคล็ดลับการดูแลเครื่องอบผ้าให้ใช้งานได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพสูงสุดก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก เพียงหมั่นทำความสะอาดตามคู่มือ เพราะการทำความสะอาดเครื่องอบผ้าเป็นประจำตามระยะเวลาที่กำหนดในคู่มือจะเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งาน และป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น กลิ่นอับชื้น หรือประสิทธิภาพในการอบผ้าลดลง และรักษาความสะอาดแผ่นกรองใยผ้าให้ดี เนื่องจากแผ่นกรองใยผ้ามีหน้าที่ดักจับเศษใยผ้าเล็กๆ ที่หลุดออกมาจากผ้า ซึ่งหากปล่อยให้เศษใยผ้าเกาะตัวหนา จะส่งผลเสียต่อเครื่องอบผ้าหลายประการ เช่น ทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้น สิ้นเปลืองพลังงาน และอาจทำให้เศษใยผ้าฝังแน่นตามส่วนต่างๆ ของเครื่อง ส่งผลให้อายุการใช้งานสั้นลง ดังนั้นควรทำความสะอาดแผ่นกรองใยผ้าเป็นประจำ โดยสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการหยิบออกมาทำความสะอาดด้วยมือเปล่าหรือใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดด้วยแรงดูดต่ำสุด จากนั้นใส่กลับเข้าที่เดิม

นอกจากการดูแลรักษาเครื่องอบผ้าแล้ว การสังเกตสัญลักษณ์บนเสื้อผ้าก่อนนำเข้าเครื่องอบผ้าก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะสัญลักษณ์เหล่านี้จะบอกเราว่าเนื้อผ้าชนิดนั้นเหมาะสมกับการอบแห้งด้วยความร้อนหรือไม่ และควรใช้อุณหภูมิในการอบแห้งเท่าไร เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเนื้อผ้า เช่น ผ้าหดตัว สีตก หรือเสียรูปทรง

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก: เซฟ ไทย