เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ต.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวรำลึกและร่วมวางพวงมาลา ในงานรำลึก 14 ตุลา ประจำปี 2567 ว่า สิ่งที่จะพูดคือ อย่าปล่อยให้ประชาชนโดดเดี่ยว ที่ผ่านมาประชาชนเป็นคนจุดคบเพลิงนี้แล้ว เชื่อว่าหน่วยงาน องค์กร องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง ต้องมีจิตวิญญาณเป็นประชาธิปไตยและคิดถึงประชาชนด้วย ประชาธิปไตยไม่ใช่ความหมายแค่วันเลือกตั้งทุก 4 ปี แต่ความหมายคือเราตื่นเช้าขึ้นมาเราคิดถึงประชาชนและเข้าไปดูแลประชาชนหรือไม่ ต้องฝากเตือนพวกเราทุกคนที่ได้รับผลจากการเสียสละของวีรชน ให้คิดถึงประชาชน และอย่าปล่อยให้ประชาชนโดดเดี่ยว ขอให้ร่วมมือและทำให้ประเทศเราเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง กรุงเทพมหานครพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้สิ่งที่ท่านวีรชนทั้งหลายได้เสียไปเมื่อ 51 ปีที่แล้ว ทั้งชีวิต ครอบครัว สิ่งต่าง ๆ ต้องสูญเปล่า เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด 

ซึ่งงานรำลึก 14 ตุลา ประจำปี 2567 มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานวางพวงมาลาและกล่าวรำลึก นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองประจำทำเนียบรัฐบาล ในฐานะผู้แทนนายกรัฐมนตรี ร่วมวางพวงมาลาและกล่าวรำลึก รวมทั้งผู้แทน 3 ศาสนา ได้แก่ พุทธ อิสลาม และคริสต์ ผู้แทนพรรคการเมือง ตลอดจนประชาชน ร่วมกิจกรรม ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร 

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า วันนี้เป็นวันสำคัญ และกรุงเทพมหานครรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมรำลึกถึง 51 ปี ของวีรชน 14 ตุลา วีรกรรมของท่านมีผลประโยชน์ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน คิดว่าหลายคนที่ได้มาร่วมกล่าวรำลึกในเช้าวันนี้ ก็คือผู้ที่เป็นผลจากความเคลื่อนไหวของวีรชนเมื่อ 51 ปีที่แล้ว หากท่านไม่ได้เคลื่อนไหว ไม่ได้มาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย วันนี้อาจไม่มีผู้ว่าฯ ที่ชื่อชัชชาติ พวกเราทุกคนเป็นหนี้บุญคุณของวีรชน 

ทั้งนี้ เหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 เป็นการชุมนุมครั้งแรกอย่างสันติของมวลชนจำนวนมหาศาล เพื่อต่อต้านระบอบเผด็จการที่ครอบงำประเทศไทยมายาวนานนับทศวรรษได้เป็นผลสำเร็จ แม้ว่าหลังจากนั้นจะมีการรัฐประหารตามมาไม่น้อยกว่า 5 ครั้งก็ตาม แต่การเสียสละของเหล่าวีรชน 14 ตุลา 2516 คือปฐมบทของระบอบประชาธิปไตย ของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ในประเทศไทย อันเป็นเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาธิปไตยมาอย่างมั่นคงและถาวรจวบจนบัดนี้