เมื่อวันที่ 13 ต.ค. จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ เทศบาลนครตรัง เป็นเจ้าของดำเนินการจัดทำโครงการปรับปรุงผิวจราจรแอสฟัลติกต์คอนกรีต ถนนสายขนานทางรถไฟ (ใต้) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ถนนสายทางรถไฟวังตอ โดยมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเป็นผู้รับจ้าง ในงบประมาณจำนวน 6,030,000 บาท ปรากฏว่าตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. วานนี้ (12 ต.ค.) ทางผู้รับจ้างได้ทำการราดยางมะตอยเต็มพื้นถนนตลอดสาย แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ไม่ได้มีการปิดถนนทางสัญจร และไม่มีป้ายแจ้งห้ามใช้เส้นทาง หรือป้ายสัญญาณเตือนใดๆ ทำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ทราบว่ามีการราดยางมะตอยจึงได้ขับรถเข้าเส้นทางดังกล่าว จนทำให้ยางมะตอยที่ราดอยู่บนพื้นถนนติดล้อยางทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ และยังทำให้ยางมะตอยที่ติดล้อยางได้กระเด็นขึ้นมาติดใต้ท้องรถ ใต้ซุ้มล้อ และพื้นผิวสีตัวรถจนทรัพย์สินได้รับความเสียหายเกือบ 200 ราย และยังได้มีการขึ้นไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองตรัง ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ เพจเฟซบุ๊ก “PR Nakorntrang News” ซึ่งเป็นเพจเฟซบุ๊กเทศบาลนครตรัง ได้โพสต์ข้อความ ดร.สัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีนครตรัง สั่งแก้ไขด่วน พร้อมเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมเปิดเผยว่า ได้สั่งการให้แก้ไขทันทีและได้กำชับทุกฝ่ายที่รับผิดชอบให้ดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยสั่งการให้ผู้รับจ้างจัดทำป้ายไวนิล “ทางปิด ห้ามเข้า” ตามมาตรฐานก่อสร้างไปติดตั้งที่ทางเข้าถนนรวม 3 จุด คือ ถนนกันตัง ถนนคลองน้ำเจ็ด และถนนวังตอ รวมทั้งให้นำแผงเหล็กหรือแบริเออร์กั้นปิดพื้นที่สร้างถนนแล้วตั้งแต่ช่วงค่ำของวานนี้ (12 ต.ค.)

ในส่วนของผู้เสียหายหากมีการเรียกร้องค่าเสียหาย ทางเทศบาลยินดีประสานผู้รับจ้างเพื่อชดใช้ค่าเสียหายและเยียวยา ซึ่งสามารถประสานมายังสำนักช่างเทศบาลนครตรัง อย่างไรก็ตามได้กำชับผู้คุมงานและผู้รับจ้างดำเนินการติดตั้งป้ายเตือน สัญญาณไฟต่างๆ อย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ซ้ำอีก โดยล่าสุดได้เรียกผู้รับจ้างเข้าประชุมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวในวันที่ 15 ต.ค. 67 เพื่อหาแนวทางเยียวยาผู้เดือดร้อนและจะประสานขอข้อมูลจาก สภ.เมืองตรัง เพื่อทราบจำนวนผู้เดือดร้อนและเยียวยาตามลำดับต่อไป

ผู้รับเหมา-เทศบาลสุดชุ่ย! ทำถนนลาดยางมะตอย ไร้ป้ายเตือน รถเสียหายนับร้อย

ส่วนบรรยากาศที่ สภ.เมืองตรัง ได้มีผู้เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา จนพื้นกระเบื้องบน สภ.เมืองตรัง เต็มไปด้วยคราบยางมะตอยที่ติดมากับรองเท้าของผู้เสียหายในการขึ้นมาแจ้งความ

นางดวงพร อายุ 58 ปี ผู้เสียหายรายหนึ่ง กล่าวว่า เลิกงานขี่รถจักรยานยนต์จะกลับบ้านมาถึงถนนดังกล่าวไม่มีป้ายเตือนใดๆ ก็ขี่เข้าไปปรากฏว่ารู้สึกว่ารถสัมผัสพื้นแล้วนิ่มๆ จึงจอดรถลงมาดู ปรากฏว่ามียางมะตอยติดเต็มล้อรถ และติดรองเท้าคู่ละ 1,000 กว่าบาทเต็มทั้งคู่จนต้องทิ้ง จนขี่กลับไปถึงบ้านและนั่งเขี่ยยางมะตอยแต่ก็ออกไม่หมดจึงได้นำรถไปเข้าคาร์แคร์ เสียค่าบริการกว่า 500 บาท แต่ก็ไม่สามารถขัดคราบได้ออกทั้งหมด จึงอยากให้ผู้รับผิดชอบออกมาชดใช้ค่าเสียหาย ค่าเสียเวลา ให้กับผู้เสียหายหลายราย

ขณะที่บรรยากาศที่ร้านคาร์แคร์ในเขตเทศบาลนครตรังคึกคัก ผู้เสียหายได้นำรถเข้ามาใช้บริการให้ทางร้านขจัดคราบยางมะตอยออกให้เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านสูญเสียค่าใช้จ่ายในการขจัดคราบ รถจักรยานยนต์เริ่มต้นตั้งแต่ 500 บาท รถยนต์เริ่มต้น 1,000 บาท จนถึง 3,000 บาท

นายอัรสิทธิ์ อายุ 42 ปี เจ้าของร้านป้อมคาร์แคร์ กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุนี้มีลูกค้าเข้ามาสอบถามและนำรถเข้ามาไม่ต่ำกว่า 30 คัน แต่ทางร้านรับได้ไม่เยอะ เนื่องจากเมื่อขจัดคราบคันแรกๆ ไปแล้ว รู้เลยว่ามันขจัดยาก บางคันต้องใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงถึงจะออกได้ทั้งหมด ยากง่ายขึ้นอยู่กับลักษณะของยาง ยิ่งยางใหญ่ดอกลึก ยิ่งยาก เพราะติดยางมะตอยมาเยอะ แล้วฝังเข้าไปอยู่ในดอกยาง และยิ่งปล่อยให้แห้งยางจะติดแน่นกว่าเดิม ส่วนใหญ่ก็จะติดที่ล้อยาง ซุ้มล้อ และช่วงล่างรถ ซึ่งราคาสตาร์ตเริ่มต้นที่ 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่าย และปริมาณเนื้อยางมะตอยมากกว่ารถที่โดนยางมะตอยปกติ ลูกค้าก็สะท้อนปัญหาบอกว่าไม่รู้ ไม่มีป้ายเตือน ซึ่งอยากแนะนำว่าอย่าให้รถโดนแดด เพราะยางมะตอยจะแห้งจะยิ่งเอาออกยากมากต้องพยายามไปล้างให้เร็ว

ด้าน นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ ทางสำนักงาน ป.ป.ช.ตรัง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการของเทศบาลนครตรังไปจำนวน 24 โครงการ รวมทั้งโครงการถนนสายดังกล่าวนี้ด้วย ซึ่งใช้งบประมาณจำนวน 24 โครงการ ไปกว่า 130 ล้านบาท ในถนนหลายสายเขตเทศบาลนครตรัง และมีชาวบ้านร้องเรียนมาก่อนหน้านี้ว่าถนนบางสายไม่ได้มีความชำรุด แต่มีการขุดรื้อเพื่อทำถนนใหม่

หลังจากตรวจสอบในเบื้องต้นในส่วนของการกระทำความผิดยังไม่ปรากฏ แต่พบเจอสิ่งที่น่าสังเกตในเรื่องของการเสนอราคาของผู้ประกอบการ แต่ละรายเสนอราคาใกล้เคียงกันมาก บางรายเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางไม่มาก บางรายเสนอราคาสูงกว่าราคากลาง และในบางโครงการเสนอราคาห่างกันไม่มาก ประมาณ 400-500 บาท ซึ่งในส่วนนี้ทาง ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง จะเฝ้าระวัง ติดตาม และขอข้อมูลอย่างต่อเนื่องในเรื่องนี้ เพื่อดูรายละเอียดว่ามีพิรุธตรงไหนอย่างไร และจะตรวจสอบโครงการอื่นๆ อีก เพราะทราบว่ายังมีโครงการอื่นๆ อีกที่จะดำเนินการประมูลงานก่อสร้าง.