แต่!!สินค้าเหล่านั้นกลับขายไม่ได้ จนทำให้เกิดความเสียหายทะลุไปเป็นหลักหลายพันล้านบาท จึงกลายเป็นว่าธุรกิจนี้ไม่ได้เน้นขายสินค้า แต่กลับไปเน้นในเรื่องของการให้หาคนมาร่วมลงทุน

เรียกได้ว่า…กระแสความร้อนแรงนี้ สามารถกลบข่าวร้อน ๆ ได้ทุกข่าว เพราะเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนคนไทยที่ต้องทำมาหากินเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง

จะด้วยเหตุผลอะไร? ก็แล้วแต่ แต่ทุกคนก็ต้องการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ยิ่งในนาทีนี้เรื่องของกระแส “ออนไลน์” มาแรง ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ ที่ต้องไขว่คว้าหาโอกาสให้กับตัวเอง

แถม…กลยุทธ์ของบริษัท ได้เลือกใช้คนดัง ดารา อินฟลูเอ็นเซอร์ หรือกูรู เข้ามาเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ ที่สำคัญยังถือเป็นกลยุทธ์เป็นเครื่องมือที่ดีที่ช่วย “เปิดใจ” กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้

ด้วยเพราะ…ดารา คือ คนที่มีชื่อเสียง ไม่ต้องแนะนำตัวมาก หากเป็นดาราที่มีชื่อเสียง มีแฟนคลับ ก็ยิ่งเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย เผลอ ๆ สามารถขยายกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นอีกต่างหาก

ไม่เพียงเท่านี้…ธุรกิจประเภทนี้ไม่ได้เลือกใช้เฉพาะดาราหรือแค่นักแสดงเท่านั้น บางครั้งอาจใช้กูรูหรือผู้มีชื่อเสียงด้านการลงทุนมาโน้มน้าว ทำให้การเปิดใจนั้นง่ายขึ้น

ทำความรู้จัก 'Forex-3D แชร์ลูกโซ่พันล้าน' | เดลินิวส์

ถามว่า? กรณีนี้เป็นกรณีแรกหรือไม่? ไม่ใช่เลย เพราะก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องของ แชร์ลูกโซ่ “Forex-3D” ที่สุดท้ายแล้วคนในวงการบันเทิงหลายคนที่เกี่ยวข้องต้องถูกจับเข้าคุก

โดยเรื่องของ Forex หรือการซื้อขายอัตราเงิน ก็ถือเป็นการลงทุนประเภทหนึ่งที่มีความเสี่ยงสูง นักลงทุนที่เล่น Forex ต้องมีความรู้สูงมาก และเข้าใจในภาวะเศรษฐกิจโลก

แม้ Forex จะเป็นช่องทางที่ทำเงินได้อย่างมหาศาล หากเก็งกำไรสกุลเงินได้แม่นยำ แต่ถือเป็นช่องทางที่อาศัยช่องโหว่เข้ามาหลอกลวง โดยมีระบบ “ดาวน์ไลน์” ที่มีเงินปันผลให้ ถ้าสมาชิกคนไหน ไปหาสมาชิกใหม่มาลงทุนเพิ่มได้ ก็จะได้เงินส่วนแบ่งเพิ่มเป็นพิเศษ

หรือกรณีที่ลือลั่นสนั่นเมืองไทยอย่างกรณีของ “แชร์แม่ชม้อย” เมื่อ 47 ปีที่แล้ว ที่หลอกระดมทุนในเรื่องของรถขนน้ำมันที่อ้างการให้ผลตอบแทนสูงถึง 6.5% ต่อเดือน ที่สร้างความเสียหายกว่า 4,500 ล้านบาท

ขณะเดียวกันยังมีเรื่องของ “แชร์ชาร์เตอร์” ที่ชวนเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์และเงินตราต่างประเทศ ที่เพิ่มผลตอบแทนให้เดือนละ 9% สร้างความเสียหายกว่า 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมี “แชร์บลิสเซอร์” ที่ชักชวนให้สมัครสมาชิกเที่ยวทั่วประเทศ โดยให้ผลตอบแทน 40% ต่อการหาคนสมัครเพิ่ม ทำให้ผู้ลงทุนต้องสูญเงินไปกว่า 2,000 ล้านบาท

เรื่อยมาจนถึง “แชร์ยูฟัน” ที่หลอกลวงให้มาลงทุน รวมถึงกรณีของ “ซินแสโชกุน” ที่ขายอาหารเสริมแล้วหลอกพาไปเที่ยวญี่ปุ่น รวมไปถึง “แชร์แม่มณี” ที่ดึงดูดนักลงทุนด้วยผลตอบแทนที่เป็นดอกเบี้ยสูงถึง 93% ต่อเดือน สร้างความเสียหายกว่า 1,300 ล้านบาท

asian worker team casual think

ปัญหาเหล่านี้ เป็นบทเรียนความเสียหายที่มีมาอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่หมดไปได้ ด้วยความ “เหลื่อมล้ำ” ที่ยังมีอยู่มากในสังคมไทย

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก!! ที่ทุกครั้งเมื่อเกิดปัญหา เกิดความเดือดร้อน จึงเกิดคำถามขึ้นมากมายโดยเฉพาะภาครัฐ จำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด

ทั้งในเรื่องของการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปราม การเพิ่มบทลงโทษให้รุนแรงมากขึ้นหรือไม่?

การลงทุนมีความเสี่ยง ยังคงเป็นคำพูดที่หยิบยกมาได้เสมอ และกลายเป็นดาบสองคมที่ทำให้ผู้ทำผิดลอยนวล ขณะเดียวกันผู้คนที่จะโดดเข้าไปลงทุน ก็ต้องระมัดระวังและรู้เท่าทันการหลอกลวงด้วยตัวเอง

ที่สำคัญ!! จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนรู้การลงทุนที่ปลอดภัย เพื่อให้รอดพ้นจากการเป็น “เหยื่อ” อย่างที่รู้อย่างที่เห็นกันอยู่ เพราะเรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด!!

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”

อ่านบทความทั้งหมดคลิกที่นี่