ดูเหมือนว่าการทำงานของรัฐบาลแพทองธาร จะมีอุปสรรค ต่างๆ ถาโถมเข้ามา ทั้งจากภัยธรรมชาติหรือภัยรอบตัว ที่ต่างก็มี คนออกมา ร้องเรียน โดยขุดเรื่องต่างๆทั้งในอดีตและสิ่งที่คิดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เข้ามาฟาดฟันรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ออกมาโยนหมากว่าจะมีการออกมาเปิดโปงเพื่อล้มล้างพรรคเพื่อไทยที่เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล

ซึ่งในวันที่ 10 ต.ค. เวลา 7:00 น นายไพบูลย์ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ว่า  นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ จะเดินทางไป ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญโปรดวินิจฉัยสั่งการให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

โดยมองว่าพฤติกรรมและพฤติการณ์ของนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ มีทั้งสิ้น 6 กรณี โดยเฉพาะเรื่อง การเปิดบ้านจันทร์ส่องหล้าฯ หารือเรื่องนายกฯ คน 31 และการสั่งการให้ขับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล

เป็นที่ตั้งข้อสังเกตุว่าการที่นายธีรยุทธออกมา ดำเนินพฤติการณ์เช่นนี้ ดูแล้วอาจจะมีนัยยะทางการเมืองเนื่องจากคนที่เป็นผู้โยนหินถามทาง ให้คือ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และเห็นได้ชัดว่าใน 6 ประเด็น ที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ หนึ่งในนั้น มีประเด็น ที่ระบุไว้ว่าให้ขับพรรคพลังประชารัฐออกจากการเป็นรัฐบาล

ด้านนายไพบูลย์ ก็ออกมายืนยันว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เห็นถึงความไม่เหมาะสม ไม่เกี่ยวกับพรรค พปชร. และไม่ได้มอบหมายตนเพียงเปิดประเด็นเพื่อให้สื่อได้ติดตามและมั่นใจว่าคงมีข้อมูลเพียงพอ และหากจำได้ นายธีรยุทธเคยยื่นเรื่องยุบพรรคก้าวไกลมาแล้ว

ขณะที่ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย อย่าง นายชูศักดิ์​ ศิริ​นิล​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวถึง ว่า หากดูจากคำร้อง 6 ข้อที่ร้องมา ตนมองว่าไกลกว่าเหตุ ที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และในคำร้องมีความพยายามบรรยายให้เข้าเกณฑ์คำวินิจฉัยของพรรคก้าวไกล ว่าเป็นการกัดเซาะบ่อนทำลาย ซึ่งมันไกลกว่าเหตุมาก พร้อมกับมองว่ามันเป็นคนละเรื่องคนละราวกัน

ขณะเดียวกันนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ก็ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สิ่งที่นายธียุทธ ยื่นคิดว่าพรรคเพื่อไทยสามารถตอบได้ทุกประเด็น ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่ามั่นใจจะไม่มีปัญหาเหมือนที่พรรคก้าวไกลถูกยุบ และมั่นใจว่าไม่มีปัญหา​ เพราะคนละกรณีกันได้อ่านคร่าวๆ แล้ว และคิดว่าสิ่งที่ยื่นมานั้นเลอะเทอะมาก และพรรคเพื่อไทยจะไม่ตั้งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อแก้ต่างคดีนี้ แน่นอนแล้วว่า พรรคเพื่อไทย ดูจะไม่ กังวลกับคำร้องของนายธีรยุทธ และมองว่า เป็นคำร้องที่ไกลเกินกว่าเหตุ อีกทั้งยังดูเลอะเทอะ และการที่พรรคเพื่อไทยจะไม่มีการตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาทำงานเพื่อแก้ต่างในคดีนี้นั้น แสดงว่ามั่นใจแล้วว่าจะสามารถ หลุดพ้นจากคดีนี้ได้อย่างสบายๆ

เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่ประชาชนจะให้ความสนใจ รวมถึงเราบรรดาพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งก็จับตาดูการเดินหน้าร้องเรียนของนายธีรยุทธในครั้งนี้ ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะ วินิจฉัยออกมาเช่นไร เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า พรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง นั้นไม่เห็นด้วยกับการที่ มีการตัดสินให้ทำการยุบพรรคการเมือง ซึ่งหลายพรรคมองว่า เป็นพฤติการณ์พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะหาก การครอบงำของนายทักษิณ ที่มีให้กับพรรคเพื่อไทย มีความผิดจริง เรื่องนี้ควรที่จะให้เป็นกลไกของสภาในการ อภิปรายไม่ไว้วางใจและให้ผลออกจากตำแหน่งด้วยกระบวนการสภาไม่ใช่กระบวนการอื่น

สุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะจบเช่นไร จะเป็นเพียงการร้องเพื่อปกป้อง การล้มล้างการปกครองเพื่อ ให้ประเทศเดินหน้า หรือ เป็นเพียงการร้อง ที่มีนัยยะทางการเมือง ในการล้มล้างพรรคแกนนำรัฐบาล แล้วจะมีการจัดตั้ง รัฐบาลใหม่ขึ้นมา ให้เป็นไปตามความพึงพอใจ ของบุคคลเพียงไม่กี่คน