เมื่อวันที่ 12 ต.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า วันนี้ตนส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ กกต. นำความตามพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 1/2550 ไปทำการตรวจสอบเพิ่มเติม ต่อจากคำร้องฉบับลงวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ว่า การแต่งตั้งนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และการแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบเพิ่มเติมประเด็นใหม่ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) ที่อาจมาจากให้ข้อมูลข่าวสารตามข้อเท็จจริงแก่ประชาชนหรือสื่อมวลชนอันอยู่ในความรับผิดชอบของตน ไม่ถูกต้องครบถ้วนและบิดเบือน อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 15 หรือไม่

กล่าวคือ “ให้ข้อมูลข่าวสารตามข้อเท็จจริงแก่ประชาชนหรือสื่อมวลชนอันอยู่ในความรับผิดชอบของตน ไม่ถูกต้องครบถ้วนและบิดเบือน” ซึ่งเห็นได้จากการให้ข่าวว่า “เงินบาทแข็งดีต่อการส่งออก” หรือการให้ข่าวว่า “แม่น้ำปิงไหลลงแม่น้ำโขง” ซึ่งการให้ข่าวดังกล่าว อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 15 ตามมาได้ เพราะคนที่เป็นถึงนายกรัฐมนตรี จะมากล่าวอ้างแก้ตัวขอความเห็นใจว่า ไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์ หรือภูมิศาสตร์พื้นฐานดังกล่าว คงมิอาจรับฟังได้

นายเรืองไกร กล่าวว่า ดังนั้นจึงมีเหตุอันควรขอให้ตรวจสอบต่อไปว่า การแต่งตั้งนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 319/2567 ลงวันที่ 16 กันยายน 2567 และการแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 348/2567 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2567 จะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบเพิ่มเติมประเด็นใหม่ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) ที่อาจมาจากให้ข้อมูลข่าวสารตามข้อเท็จจริงแก่ประชาชนหรือสื่อมวลชนอันอยู่ในความรับผิดชอบของตน ไม่ถูกต้องครบถ้วนและบิดเบือน อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 15 หรือไม่.