เมื่อวันที่ 12 ต.ค. นายนิกร จำนง กรรมาธิการร่วมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติ กล่าวถึงการตั้ง กมธ.ร่วมมาพิจารณาเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ที่ สส. และ สว. เห็นไม่ตรงกัน ว่า การที่ สว. ยังไม่ส่งชื่อคนเป็น กมธ.ร่วมมา อาจทำให้การพิจารณาล่าช้า เพราะวันที่ 30 ต.ค. นี้ จะปิดสมัยประชุมแล้ว ส่วนข้อเสนอเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ เชื่อเวลาคงไม่เพียงพอ จะทำประชามติทันเลือกท้องถิ่นเดือน ก.พ. 68 เหมือนปล่อยเลยตามเลย ถ้า สส. ยืนตามร่างเดิมก็เท่ากับหัก สว. ยิ่งทำให้การทำรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ต้องได้เสียง สว. 1 ใน 3 เป็นไปได้ยาก แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้เลย แม้แต่มาตราเดียวก็แก้ไม่ได้ ทางออกจึงควรจูนกันอย่างเร่งด่วน ถ้าร่วมมือกันเชื่อว่าจะพิจารณาได้เสร็จทัน เพราะมีแก้แค่มาตราเดียวตกลงกันได้ก็จบ กมธ.ร่วม เป็นทูตสันทวไมตรีของทุกฝ่าย จะต้องจบที่ กมธ.ร่วม จบตรงอื่นไม่ได้ แม้ว่าเวลาเหลือน้อย ก็ยังมีความหวังอยู่ ดูแล้วต้องถอยทั้ง 2 ฝ่าย 

“ผมขอเสนอทางสายกลางต่อ กมธ.ร่วม เพื่อให้พิจารณาเสร็จก่อนวันที่ 30 ต.ค. นี้ โดยแก้จากหลักเสียงข้างมาก 2 ชั้น เป็นขอให้มีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียง จะอยู่ที่ประมาณ 18 ล้านกว่าคน จากนั้นให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง เป็นตัวตัดสินการผ่านประชามติ น่าจะมีน้ำหนักที่เป็นเสียงเกณฑ์ขั้นต่ำตามสมควร” นายนิกร กล่าว.