เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2567 ที่ห้องภาณุรังษี ชั้น 3 กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 9/2567 โดยภายหลังการประชุมสภากลาโหม ว่า วันนี้เป็นครั้งแรกในการประชุมสภากลาโหม ซึ่งมีผู้นำเหล่าทัพร่วมประชุมทั้งหมด ส่วนวาระการประชุมวันนี้ มีการสรุปสถานการณ์สำคัญทั้งในประเทศ และนอกประเทศ ที่เกี่ยวกับความมั่นคง ซึ่งมี 2 ประเด็นใหญ่ 1.การดูกฎระเบียบดูแลกำลังพลกลาโหมที่เป็นพลเรือน โดยได้รับหลักการนำไปพิจารณารายละเอียดให้เป็นรูปธรรม เรื่องการดูแลกำลังพลให้เหมาะสม ซึ่งมีการพิจารณาวาระ รวมทั้งรับหลักการไปพิจารณารายละเอียดในรูปธรรม เรื่องของการแก้ไขดูแลกำลังพลให้อยู่ในสิ่งที่เหมาะสมต่อไป 2.เรื่องการทำกฎระเบียบ รองรับการปฏิบัติต่อกำลังพลทางทหาร ที่ผิดกฎหมาย เช่น การลงโทษในลักษณะการทำร้ายร่างกายจึงถึงชีวิต ทางกองทัพไม่เป็นด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้พยายามแก้ไขปรับปรุง แต่เหตุการณ์ดังกล่าวยังมีเกิดขึ้นอยู่บ้าง แม้จะลดน้อยลง ซึ่งยังเป็นเรื่องความกังวลใจของกองทัพเช่นเดียวกัน 

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า การประชุมวันนี้ ยังมีการพูดคุยถึงหลักการ ว่าจะวางกฎระเบียบที่ชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากการดำเนินการเช่นนี้ มีกฎหมายหลายฉบับ ทั้งกฎหมายซ้อมทรมาน และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อุ้มหาย รวมทั้งกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงหารือกับเหล่าทัพว่า ควรมีมาตรการที่เข้มแข็งมากขึ้น เพื่อทำให้การทำร้ายร่างกายกำลังพลนั้นหยุดลง และในที่ประชุมเห็นพ้องต้องกัน โดยแต่ละเหล่าทัพจะไปพิจารณาแก้ไขกฎระเบียบกองทัพ และแจ้งหน่วยงานให้ได้รับทราบชัดเจน รับปฏิบัติไปให้แนวทางเดียวกัน

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทำร้ายร่างกายกำลังพลอีก จะมีการดำเนินการอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากมีการซ้อมทรมานจนถึงแก่ชีวิต ยืนยันว่า จะดำเนินการให้ถึงที่สุด และเข้าสู่กระบวนการกฎหมายอาญา ซึ่งจะต้องมีการปรับข้อกฎหมายให้เหมาะสมเสียก่อน

เมื่อถามว่าจะทันกับการสมัครทหารผ่านทางระบบออนไลน์หรือไม่ เนื่องจากครั้งที่แล้ว นายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม ก็ให้ความมั่นใจว่า เมื่อเข้ามาเป็นทหารแล้วจะปลอดภัย แต่สุดท้ายก็ยังเกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกำลังพลขึ้นอีก นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ให้คำมั่นใจ ว่าจะปลอดภัย” เรื่องนี้หากเกิดขึ้นอีกให้ดูตามกฎระเบียบใหม่ที่จะออกมา ทั้งผู้เห็นเหตุการณ์ และไม่ยอมรายงาน รวมถึงผู้ร่วมกระทำการ หากได้รับการรายงาน และผู้บังคับบัญชายังเมินเฉย ก็อาจมีโทษตามลำดับ ย้ำว่า จะต้องทำให้การทำร้ายกำลังพลไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งทางกองทัพได้มีการเปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยนขึ้นมาแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่ ของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เตรียมตั้งกระทู้ถามสดตนในที่ประชุมสภา เรื่องการซ้อมทรมานทหารจนเสียชีวิต โดยถามถึงความจริงใจนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายวิโรจน์ ทำไมสนใจต้องการทราบความเห็นใจจากตน ในเมื่อตนได้ชี้แจงไปแล้วว่า สิ่งที่ตนได้รับมอบหมาย ตนไม่อาจไปตอบคำถามได้ และที่ระบุว่าให้รัฐมนตรีช่วยไปตอบคำถามแทนและทำไมจึงไม่มา นายวิโรจน์ ไม่ทราบใช่หรือไม่ ว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม อยู่กับประชาชนที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ทำงานอย่างหนักในพื้นที่ ซึ่งไม่ได้พักผ่อน หลับนอน เพื่อเร่งทำงานให้เสร็จ 

“ผมได้ชี้แจงกับ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาไปเรียบร้อยแล้ว และย้ำว่า ผมติดภารกิจจริง ๆ และไม่เคยหนีการตอบ จะถามก็ถามได้ ขณะเดียวกัน ผมเห็นว่านายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภา คนที่ 2 ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก็ได้ชี้แจงแล้วว่า รมว.กลาโหม และ รมช.กลาโหม ติดภารกิจ ไม่สามารถมาตอบคำถามได้ หากเข้าใจกันและกัน คงไม่ใช้ประเด็นเหล่านี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง เพื่อดิสเครดิตรัฐบาล ผมมองว่ามันไม่เหมาะสม” นายภูมิธรรม กล่าวและว่า หากนายวิโรจน์ ต้องการทราบความจริงจากตน ก็สามารถมาสอบถามตนได้ทุกเวลา แม้กระทั่งตามที่สาธารณะ ก็ว่าไปตามกฎเกณฑ์ ยืนยันว่า ตนพร้อมเผชิญ และสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตนรับผิดชอบ

เมื่อถามว่ากรณีนายวิโรจน์ ระบุในที่ประชุมกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร ว่านายภูมิธรรม ไม่ให้ความสำคัญกับการมีชีวิตของกำลังพล นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นอย่างนี้ ชอบนำประเด็นต่าง ๆ มาพูดให้แตกร้าว ซึ่งตนไม่ต้องการเห็นเช่นนี้ ความเป็นจริง กองทัพได้ยืนยันชัดเจนว่าเราพร้อมแก้ไขปัญหา อย่าคิดแต่เรื่องการเมือง เพราะจะทำให้ประเทศไม่เกิดความสงบ และตนพร้อมตอบทุกปัญหาของกองทัพ เพียงขอให้รอสักหน่อย