นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายและยกร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงิน เห็นชอบกรอบแนวทางการจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงิน เพื่อยกร่างกฎหมาย โดยมีสาระสำคัญ 6 ด้าน ได้แก่ ด้านธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจระบบการชำระเงินและบริการชำระเงินธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ธุรกิจประกันภัยและธุรกิจอื่นตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

ทั้งนี้ ในส่วนผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ นิติบุคคล และสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศ ที่ให้บริการแก่นิติบุคคลหรือบุคคลที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย โดยมีข้อยกเว้น คือ ห้ามชักชวนและให้บริการลูกค้าในประเทศไทย ขณะที่ขอบเขตการดำเนินธุรกิจ ระยะแรกเป็น ธุรกิจที่ระดมทุนจากต่างประเทศเพื่อลงทุนในต่างประเทศ และพิจารณาธุรกิจที่เป็นการระดมทุนจากต่างประเทศเพื่อลงทุนในประเทศไทย โดยไม่ให้ขัดกับเงื่อนไข ในระยะต่อไป

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า สำหรับสถานที่ตั้งของผู้ประกอบธุรกิจช่วงแรกได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล สำหรับเงื่อนไขเกี่ยวกับสถานประกอบการ ได้แก่ กำหนดให้มีเงื่อนไขขั้นต่ำในเขตที่กำหนด เช่น เงื่อนไขการจ้างงาน ระยะเวลาการประกอบธุรกิจ การมีสำนักงานเป็นต้น โดยให้อำนาจคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางทางการเงินในการกำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์

นอกจากนี้ ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางทางการเงินขึ้นใหม่ในรูปแบบหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ โดยมีหน้าที่กำหนดแนวทางการส่งเสริมธุรกิจเป้าหมาย และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งสิทธิประโยชน์ที่เป็นตัวเงิน เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นต้น และสิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ตัวเงิน เช่น การให้ฟาสต์แทร็ก วีซ่า การอนุมัติใบอนุญาตทำงานคนต่างด่าว การจ้างงาน เป็นต้น และกำหนดเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบอนุญาต และพิจารณาอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต หรือให้ความเห็นชอบ หรือรับจดทะเบียนเพื่อประกอบธุรกิจเป้าหมาย เป็นต้น

ส่วนสิทธิประโยชน์ ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการฯ ดำเนินการ ได้แก่ นิติบุคคลเข้าข่ายบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ต้องปฏิบัติตาม กฎระเบียบระหว่างประเทศ และกรณีนิติบุคคลอื่น สามารถกำหนดอัตราภาษีที่ต่ำว่ากรณีนิติบุคคลที่เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ได้ โดยอาจกำหนดแบบเป็นลำดับขั้น หรืออัตราคงที่ สำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อาจพิจารณาเป็นอัตราผ่อนปรน สำหรับภาษีหัก ณ ที่จ่าย เงินปันผลและดอกเบี้ยที่ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้โครงการฯ จ่ายให้กับบริษัทแม่ หรือบริษัทในเครือในต่างประเทศ อาจพิจารณาเป็นอัตราผ่อนปรน