นายภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มงานโครงการพิเศษและศูนย์พัฒนาดิจิทัลและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบาย Cloud First Policy ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ คณะกรรมการเฉพาะด้านการขับเคลื่อนตามนโยบายการใช้ Cloud First Policy เพื่อติดตาม กำกับดูแล การใช้บริการคลาวด์ให้เป็นตามมาตรฐานสากล ด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การกำหนดราคา และการติดตามตรวจสอบการให้บริการซึ่งส่วนใหญ่ใช้งานในหน่วยงานราชการ

นอกจากนี้ การยกระดับเมืองทุกเมืองไปสู่เมืองอัจฉริยะหรือสมาร์ทซิตี้นั้น ก็จำเป็นจะต้องใช้คลาวด์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลของเมืองแต่ละเมืองในการพัฒนาเมืองน่าอยู่ เมืองทันสมัยให้ประชาชนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขอย่างยั่งยืนมากขึ้น จากปัจจุบันประเทศไทยมีเมืองที่ผ่านการรับรองเป็นเมืองอัจฉริยะ แล้วจำนวน 36 เมืองจาก 25 จังหวัดทั่วประเทศ โดยในปี 2567-2570 รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะยกระดับเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ไม่น้อยกว่า 105 เมือง อีกทั้งมีการประเมินว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่า 10,000 ล้านบาท

สำหรับปีนี้ ดีป้า ได้ร่วมกับ เอ็น.ซี.ซี. จัดงาน “Thailand Smart City Expo 2024” มหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระดับนานาชาติที่จะมีขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 6 – 8 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเป็นช่องทางให้ชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมาศึกษาเรียนรู้และนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลกลับไปพัฒนาชุมชนของตนเอง โดยคาดว่างานในครั้งนี้มีเมืองที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานมากขึ้น 8-9 เมือง

นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน Thailand Smart City Expo 2024 กล่าวว่า ปีนี้ เอ็น.ซี.ซี. ได้ร่วมกับ ดีป้า จัดงาน “Thailand Smart City Expo 2024” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และได้รับความร่วมมือ การสนับสนุนจากพันธมิตรและผู้ผลิตนวัตกรรมมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเปรียบเสมือนเวทีในการต่อยอดความสำเร็จในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ, นำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี Smart City, แลกเปลี่ยนความรู้และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเมืองอัจฉริยะ พร้อมเปิดตลาดใหม่และการขยายฐานลูกค้า และสร้างเครือข่ายธุรกิจ

สำหรับกิจกรรมและไฮไลต์ภายในงาน ได้แก่ การแสดงสุดยอดสินค้านวัตกรรมจากองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ อาทิ  AIS, DTC, Korea Alpha, NEC, NMB Minebea, Resync, SAIJAI TECH, Samsung, SCG พร้อมทั้ง นำเสนอเทคโนโลยีระบบไฟถนนอัจฉริยะ (Smart LED Streetlights) ซึ่งสามารถควบคุมสั่งการได้จากระยะไกลแบบออนไลน์ โดยใช้ระบบ IoT (Internet of Things), ระบบ AI Solutions, AI Cloud Platform และ AI Training เพื่อต่อยอดธุรกิจ, โซลูชันการบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ, ระบบวัดคุณภาพน้ำด้วยอุปกรณ์ IOT, ระบบ Solar Cell  และงานสัมมนา Workshop จากหน่วยงานและองค์กรชั้นนำ ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น depa SCG, สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม “Thailand Smart City Expo 2024” ปีนี้จัดขึ้นควบคู่ไปกับงาน Edtex งานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการศึกษา ระหว่างวันที่ 6-8 พฤศจิกายนนี้ ณ ฮอลล์ 3-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งเป้าหมายคาดว่าจะมีผู้ประกอบการร่วมงาน 10,000 ราย มีผู้ประกอบการเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 150 ราย และมีรายได้เกิดขึ้นจากงานดังกล่าว 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10-15% จากปีก่อน