สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ว่า นายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวถึงสถานการณ์ในเลบานอน ว่าไม่ควรมีปฏิบัติการทางทหารรูปแบบใดก็ตาม ซึ่งเกิดขึ้นที่ประเทศแห่งนี้ ในแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา และส่งผลให้เลบานอน เผชิญกับความเสียหายร้ายแรง แบบเดียวกับฉนวนกาซา


ด้านทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ซึ่งผู้นำสหรัฐเตือนอีกฝ่ายให้ “ลดอันตราย” ที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนในเลบานอน โดยเฉพาะในกรุงเบรุต ที่เป็นเมืองหลวง และมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมาก

AFP


ด้านแหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลเลบานอนกล่าวว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ตอบรับการตกลงหยุดยิงกับอิสราเอล เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่ในวันนั้น กองทัพอิสราเอลกลับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในกรุงเบรุต สังหารนายฮัสซัน นาสราลเลาะห์ ผู้นำสูงสุดของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งถือเป็นการทำลายการเจรจาที่ผ่านมาทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง


ท่าทีดังกล่าวของสหรัฐเกิดขึ้น หลังนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวว่า “เลบานอนยังมีโอกาสปกป้องบ้านเมืองเพื่อไม่ให้ตกไปในขุมนรกของสงคราม” หรือการสู้รบที่ยืดเยื้อ ซึ่งจะนำไปสู่การทำลายล้าง และความเจ็บปวด แบบเดียวกับที่กำลังเกิดขึ้นในฉนวนกาซา


ทั้งนี้ ผู้นำอิสราเอลเรียกร้องให้ชาวเลบานอน ร่วมกันทำให้ประเทศของตัวเอง “ปราศจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์” เพื่อให้สงครามครั้งนี้ยุติ


ขณะที่นายนาจิบ มิกาตี นายกรัฐมนตรีเลบานอน เรียกร้องประชาคมระหว่างประเทศ ร่วมกันกดดันอิสราเอลให้ยุติปฏิบัติการทางทหารในเลบานอน


ส่วนนายนาอิม กัสเซ็ม รองผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กล่าวว่า สมาชิกทั้งหมดของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ สามารถก้าวข้ามผ่าน “ลมแห่งความเจ็บปวดลูกใหญ่” จากอิสราเอล และยืนยันว่า โครงสร้างอำนาจและปฏิบัติการทั้งหมดของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ “ยังคงแข็งแกร่ง”.

เครดิตภาพ : AFP