จากกรณี ธุรกิจแบรนด์อาหารเสริมชื่อดัง ซึ่งกำลังเป็นประเด็นว่าธุรกิจดังกล่าว อาจจะมีปัญหาจากผู้เสียหายที่ร่วมธุรกิจ ทำให้ตำรวจหลายหน่วยจับตามอง และเตรียมเข้ามาตรวจสอบธุรกิจดังกล่าว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 9 ต.ค. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. กล่าวถึงการเรียกประชุมด่วนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อหาแนวทางในการตรวจสอบการประกอบธุรกิจแบรนด์อาหารเสริมชื่อดัง กล่าวว่า ได้แต่งตั้งให้ พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธาน ติดตามตรวจสอบธุรกิจดังกล่าว และจะตั้งเป็นรูปคณะทำงานสืบสวนสอบสวนตรวจสอบ โดยจะเป็นการประสานงานระหว่างตำรวจ 2 กองบัญชาการ

พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทั้ง 2 กองบัญชาการ ไปรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานในเบื้องต้นว่าธุรกิจดังกล่าวมีปัญหาจริง ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาหรือไม่ และนำกลับมาประชุมกันอีกครั้ง ส่วนที่กองบัญชาการใดจะเป็นเจ้าภาพในการดำเนินคดีดังกล่าว ต้องรอการประชุมในนัดหน้า

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ใครจะเป็นเจ้าของกฐินกองที่มีปัญหาดังกล่าว พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ ยอมรับว่า ธุรกิจนี้มีปัญหาจริง แต่จะเป็นปัญหาในรูปแบบใดยังไม่สามารถบอกได้ในขณะนี้ และอาจต้องมีการดำเนินคดีกับประธานกรรมการ กรรมการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ทั้งที่เป็นประชาชนทั่วไปและเป็นนักร้อง นักแสดง หรือดารา หากพบว่ามีพยานหลักฐานว่าการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายการกระทำความผิด

เมื่อถามอีกว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายในธุรกิจดังกล่าว เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจไซเบอร์แล้วหรือยัง พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถให้ข้อมูลในส่วนนี้ได้ แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้จะเป็น “งานช้างงานใหญ่อย่างแน่นอน” ขอให้อดใจรอการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ของตำรวจก่อน

พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการพิจารณา คือการกระทำของกลุ่มธุรกิจดังกล่าว เข้าข่ายความผิดใด ในทางฉ้อโกงประชาชน หรือความผิดที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งในชั้นนี้เชื่อว่าหน่วยงานที่เข้าข่ายและมีประสิทธิภาพในการตรวจสอบดำเนินคดีเรื่องดังกล่าว น่าจะเป็นกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค