เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม จ.นนทบุรี นายธีรพัฒษ์ หรือ ดอร์เช่ และน.ส.สุภาภรณ์ หรือ เมย์ 2 โมเดลลิ่งชื่อดัง เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือ โดยมี นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิฯ ว่าที่ร้อยตรีรภัทรสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิฯ รับเอกสารเรื่องราวร้องเรียนในครั้งนี้

โดยผู้เสียหายทั้งสอง เปิดเผยว่า ถูกนายอั้ม (นามสมมุติ) หลอกให้เข้าไปเป็น CEO ของบริษัทแห่งหนึ่ง แต่บริษัทดังกล่าวไม่ได้มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และยังหลอกว่าจะมีการทำซีรีส์หลายเรื่องต้องมีค่าดำเนินการต่างๆ รวมไปถึงเก็บเงินจากนักแสดงซีรีส์วาย ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชนอยู่อีกหลาย 10 คน โดยที่ยังไม่มีใครเคยได้ถ่ายซีรีส์เลยซักคนเดียว มีการจัดทำพิธีบวงสรวงใหญ่โต ทำโปสเตอร์งานแสดงโชว์หลายที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แอบอ้างชื่อและสร้างไลน์ปลอมของไฮโซดังและคนมีชื่อเสียงในวงการเพื่อความน่าเชื่อถือ อ้างว่ามีเงินอยู่ 32 ล้านบาทที่ประเทศสิงคโปร์ ออกอุบายและสร้างตัวละครขึ้นมาขอเงินเพื่อไปนำเงินดังกล่าวออกมา ถ้าได้เงินมาจะแบ่งผลประโยชน์ให้ พบผู้ที่โดนหลอกในลักษณะเดียวกันตอนนี้ 12 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท

นายธีรพัฒษ์ เล่าต่อว่า ตนรู้จักกับนายอั้ม (นามสมมุติ) ได้ประมาณ 5-6 เดือนแล้ว ซึ่งทำงานอยู่ในแวดวงการรับงานจัดงานให้ศิลปิน นักร้อง นักแสดง และมีนายโอ๊ต ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่รู้จักกันโทรฯมาปรึกษาตนและบอกว่า ถูกนายอั้มชวนลงทุนสร้างซีรีส์วายและจะให้เป็นนักแสดงด้วย แต่ต้องใช้เงินจำนวนเงิน 100,000 บาท และบอกว่าจะให้เป็นหุ้นส่วนและเงินปันผล ภายหลังโดนหลอกเอาเงินไปรวมๆ แล้วเกือบ 5 ล้าน ถึงขนาดที่เอาบ้านไปจำนองเอาเงินมาให้นายอั้ม พอทวงถามเรื่องการคืนเงินก็ไม่ได้รับคำตอบโดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานา ตอนนี้ที่บ้านกำลังลำบากต้องใช้เงิน ยายต้องไปหาหมอบ้านก็กำลังจะโดนยึด ตนเลยอาสาจะเข้าไปช่วยเป็นธุระให้ โดยการเข้าไปทำงานร่วมกับนายอั้มเพื่อดูพฤติกรรมของเขา กลายเป็นว่าตนและเพื่อนอีกคนก็โดน นายอั้มหลอกเหมือนกัน ซึ่งที่ผ่านมา นายอั้มได้มีการจัดทำพิธีบวงสรวงใหญ่โต มีศิลปินดาราเข้าร่วมหลายคนทำให้มีความน่าเชื่อถือ ต่อมานายอั้มได้บอกตนว่ามีเงินจำนวน 32 ล้านบาท ค้างอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์และออกอุบายสร้างตัวละครต่างๆ ซึ่งไม่มีอยู่จริงและกล่าวอ้างถึงขั้นตอนและรายละเอียดต่างๆ เพื่อนำเงินจำนวนดังกล่าวออกมาโดยบอกว่าจะแบ่งเงินก้อนนี้ให้

ต่อมาได้มีการขอเก็บค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อนำเงิน 32 ล้านบาทออกมาและขอเงินเพื่อนำไปใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งในตอนนั้นตนก็หลงเชื่อ โดยนายอั้มบอกกับตนว่า จำเป็นต้องใช้เงิน ทั้งค่าบ้านและค่าอาหารในชีวิตประจำวัน ด้วยความที่รู้จักกันและคิดว่าเขาคงไม่ทำร้ายตน ตนจึงโอนเงินให้หลายครั้ง หลายบัญชี รวมแล้วกว่า 300,000 บาท ต่อมาเมื่อช่วงเดือน ก.ย.67 ตนรู้ว่านายอั้มใช้อุบายเดียวกันแต่งเรื่องหลอกคนอื่นด้วย ซ้ำยังมีการแอบอ้างรู้จักคนในวงการสร้างไลน์ปลอมของไฮโซคนดังขึ้นมาและมีการแคปหน้าจอโทรศัพท์ว่าคุยแชตกับไฮโซคนนี้มาให้ตนดู ตนจึงได้โทรฯไปสอบถามกับคุณเจ้าตัวโดยตรง ทำให้รู้ว่าไม่เคยคุยกับนายอั้มมาก่อน และเป็นแชตที่นายอั้มสร้างขึ้นมาแต่งเรื่องเพื่อหลอกตนและคนอื่นๆ ตอนนี้รวบรวมผู้เสียหายที่โดนหลอกในลักษณะเดียวกัน 12 รายแล้ว มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท ที่ตนต้องตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีเพราะไม่อยากให้นายอั้ม ไปทำแบบนี้กับคนอื่นๆ อีก เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่ทราบข่าวออกมาเรียกร้องอีกหลายคน

น.ส.สุภาภรณ์ เล่าว่า ตนได้ถูกนายอั้มชักชวนให้เข้ามาเป็น CEO ของบริษัท ภายหลังได้ไปตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้จดทะเบียน และตนได้เคยให้สัมภาษณ์ออกสื่อไปแล้วในตอนที่ทำพิธีบวงสรวงจัดงานแถลงโปรเจกต์ทำซีรีส์ประมาณ 6-7 เรื่อง ที่ MBK และได้มีการเชิญดารานักแสดงซีรีส์วายกว่า 50 ชีวิตมาร่วมงาน และในโปรเจกต์ที่แถลงข่าวไป มีรูปนักแสดงนำที่มีชื่อเสียงอยู่ในโปสเตอร์ด้วยและรูปเด็กๆ ที่จะเล่นซีรีส์ดังกล่าว แล้วนำรูปไปลงในแพลตฟอร์มออนไลน์ และบอกว่าจะออกอากาศทางช่องๆ หนึ่ง ก่อนหน้านี้นายอั้มยังเคยพาตนและดอร์เช่ไปพบกับทูตที่เกาหลีมาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าทำยังไงท่านทูตที่ประจำอยู่เกาหลีจึงเชื่อ แต่ที่ทราบคือเอาชื่อของไฮโซคนดังไปแอบอ้างว่ารู้จักท่านทูตหลายคนและต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปรับงานมา อย่างเช่น งานเอาเด็กไปโชว์ตัว และให้ทางตนหาเงินที่ต้องใช้เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเดินทางไปพบกับท่านทูตในต่างประเทศเอง ต่อมาได้ส่งหลักฐานการแชตให้ทางไฮโซคนดังดู เขาก็ยืนยันและบอกว่าไม่เคยรู้จักกับนายอั้มมาก่อน ซึ่งหลักฐานการแชตไลน์นายอั้มใช้รูปโปรไฟล์เป็นรูปไฮโซเลย ส่วนแชตที่เขาอ้างว่าคุยกับไฮโซนั้น เขาก็ทำไลน์ปลอมขึ้นมาแล้วคุยกับตัวเอง สร้างเรื่องต่างๆ ขึ้นมาเพื่อให้เราเห็นว่าเขาคุยกับไฮโซคนนี้จริงๆ

ด้านทนายรณรงค์ กล่าวว่า อยากจะฝากเตือนผู้ปกครองทุกๆ คน ปัจจุบันนี้โมเดลลิ่งที่หานักแสดงของช่องต่างๆ ซึ่งตนก็เคยเข้าไปนั่งตามช่องต่างๆ มาแล้ว ทุกช่องเขาไม่มีนโยบายเก็บเงินหรือให้คนที่อยากเป็นดาราหรืออยากเข้าวงการบันเทิงต้องจ่ายเงินก่อน ไม่มีแน่นอน และการที่ไปแอบอ้างว่าจะได้เล่นซีรีส์ เล่นหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ หรือชักชวนลงทุนแล้วมันไม่มีอยู่จริงมันเป็นความผิดฐาน ฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 แต่ถ้าเกิดว่ามีการโฆษณาออกไปให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ก็จะเป็นความผิดในเรื่องของ ฉ้อโกงประชาชน และหากมีการชักชวนกันในโซเชียลมีเดียจะโดนในเรื่องของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 อนุ 1 ด้วย ซึ่งแต่ละอันมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สิ่งหนึ่งที่ต้องอธิบายให้ได้ก็คือ เงินสิงคโปร์มันมีอยู่จริงไหม ที่คุณไปบอกว่ามันจะเข้ามาทำให้มีคนเชื่อและเอาเงินให้คุณไป ก็ต้องพิสูจน์ว่ามีจริงไหม ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับขั้นตอนทางกฎหมายให้ได้ เพราะตอนนี้ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความไว้ในหลายที่มากๆ แล้วกลุ่มของผู้ปกครองของศิลปินที่อายุน้อยๆ ที่จะเล่นซีรีส์ ถ้าเขาเอาเรื่อง ตนจะพาไปที่กองปราบฯ ตนไม่รู้ว่าคุณมีปัญหาอะไร แต่อยากให้หาทางแก้ไขปัญหาให้กับเพื่อนๆ ของคุณ เพราะตรงนี้มีแต่เพื่อนของคุณทั้งนั้น