เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 9-10 ต.ค. นี้ ว่า วันที่ 9 ต.ค. จะมีรายงานที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 4 ฉบับ, กฎหมายเกี่ยวกับประมวลที่ดิน ที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน เป็นผู้เสนอ รวมถึงร่าง พ.ร.บ.ประชามติที่ทางวุฒิสภาแก้ไขกลับมาเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติ จะรับตามที่ สว. แก้ หรือจะยืนยันร่างของ สส. ส่วนกระทู้ถามในวันที่ 10 ต.ค. นั้น ต้องรอติดตาม

เมื่อถามว่า แนวทางต่อจากนี้ สส. มองทางออกเรื่องประชามติอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เท่าที่มีการพูดคุยกัน วิปรัฐบาลก็เห็นตรงกับวิปฝ่ายค้าน ซึ่งเราคงมีการยืนยันในหลักการของร่างที่ สส. ส่งไปให้ และคงต้องมีการตั้ง กมธ.ร่วมกัน เพื่อเข้าไปพิจารณาว่าท้ายที่สุดแล้วจะออกมาเป็นเช่นไร

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ตนกังวลและตั้งข้อสังเกตไว้คือ ไทม์ไลน์ที่ตอนแรก มีการวางแผนกันไว้ว่าจะทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า และเกิดขึ้นพร้อมกันในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งหากทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งนายก อบจ. ในคราวเดียวกัน ก็น่าจะประหยัดงบประมาณได้เยอะ และสะดวกกับประชาชนในการออกมาใช้สิทธิ

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า การแก้ไขร่างและการตั้ง กมธ.ร่วมกันอาจทำให้กระทบไทม์ไลน์ แต่ตนยังมั่นใจว่าหากทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่านี่คือประตูบานแรกที่จะนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นฉบับของประชาชนจริงๆ และหากทุกคนที่เข้าไปเป็น กมธ.ร่วม พิจารณาด้วยความรวดเร็วและรอบคอบ เพื่อให้ทัน ตนคิดว่าน่าจะมีประโยชน์

“อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องใช้เวลาและเป็นช่วงที่คาบเกี่ยวกับช่วงปิดสมัยประชุมสภา ผมคิดว่าสภา ควรพิจารณาเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เพื่อให้การประชามติสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงต้นปีหน้า” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ หากประชามติไม่ทันช่วงต้นปีหน้า แล้วต้องจัดเอง อาจทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิน้อย นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่าขั้นแรกเราพยายามทำให้ทันก่อน และคิดว่าหากทุกฝ่ายไม่มีเจตนาที่จะถ่วงเวลาแล้วร่วมกัน ก็สามารถทำได้อยู่แล้ว หาก กมธ. พิจารณาเสร็จเร็วแล้ว สภาสามารถขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้ ก็มั่นใจว่าประชามติสามารถเสร็จทันท่วงทีได้ เพราะทาง สว. ก็ไม่ได้แก้หลายประเด็น

เมื่อถามว่า มีการประสานไปยังพรรครัฐบาลหรือประธานสภา เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญแล้วหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่าหลังวันที่ 9 ตุลาคม คงต้องมีการพูดคุยกับ กมธ.ร่วมก่อน หากการวางแผนเป็นไปได้ด้วยดี วางแผนได้ว่าจะเสร็จสิ้นช่วงไหน ก็สามารถพูดคุยกับประธานสภา ต่อได้ ตนคิดว่าไม่น่ามีปัญหา และ สส. ทั้งสภาก็น่าจะเห็นพ้องต้องกัน

เมื่อถามถึง กรณีที่ สว. มองว่าหาก สส. อยากแก้ ก็สามารถใช้กฎหมายประชามติฉบับปัจจุบันดำเนินการได้เลย นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนมองว่าอยากให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์พร้อม น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า ยืนยันว่ายังเป็นไปได้อยู่

เมื่อถามต่อว่า การไม่ใช้กฎหมายประชามติปี 64 เพราะกังวลว่าอาจจะไม่ผ่านใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หากเราใช้ฉบับใหม่น่าจะมีความชอบธรรมกว่า เพราะมีหลายประเด็นที่ สส. ได้แก้ไข และยืนยันว่ายังมั่นใจว่าประเด็นที่ สว. แก้ไขมานั้น ไม่ต้องใช้เวลานาน

เมื่อถามว่า หากท้ายที่สุดแล้ว การมาตั้ง กมธ.ร่วม แล้วนำกฎหมายกลับไปที่แต่ละสภา แต่ยังมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน ทำให้กฎหมายฉบับนี้ต้องพักไป 6 เดือน นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องพิสูจน์ความจริงใจ เพราะที่ผ่านมาก็มีคนครหาว่าเป็นการถ่วงเวลาหรือไม่ เพื่อไม่ให้มีการประชามติ ไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งต้องตั้งเป็นข้อสังเกตว่าแต่ละฝ่ายมีความจริงใจเรื่องนี้อย่างไรบ้าง.