ประโยคข้างต้นนี้เกี่ยวกับ “รักร้าง” ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่ง“ปรากฏการณ์” ที่ในไทยเรานับวันจะทวีดีกรีร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามระดับความแพร่หลายของสังคมออนไลน์ โดยปรากฏการณ์ที่ว่านี้ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” หมายถึงปรากฏการณ์จากกรณี “รักร้างคนดัง”

คู่คนดัง” นั้น “ย่อมเป็นที่สนใจมาก”

และดูจะ “ยิ่งสนใจ” หากเกิด “รักร้าง”

ทั้ง “สนใจสืบและสนใจวิพากษ์อื้ออึง!!”

ในเมืองไทย ในปี 2567 นี้ ก็ถือว่าเป็นอีกปีหนึ่งที่กรณี “รักร้างคนดัง” เกิดขึ้นเซ็งแซ่ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีมา “รักร้างเลิกรา” ของ “คู่คนดัง” โดยเฉพาะที่เป็น “คนวงการบันเทิงคนในวงการที่ได้รับความสนใจจากสังคมมาก” ปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกับคู่คนดังบางคู่ที่เกิดรักร้าง เกิดการเลิกรากันก็นับเป็นข่าวที่ “ช็อกวงการช็อกแฟนคลับ” ไม่ใช่น้อย และก็กระตุ้นให้บรรดานักสืบโซเชียลพากันสืบ ปะติดปะต่อเรื่องราว และก็ตามมาด้วยกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างอื้ออึง

และกับกรณี “รักร้างคนดัง” นั้น…ไม่เพียงผู้คนในสังคมจะให้ความสนใจติดตามและมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก แต่ในยุคที่โซเชียลมีเดียแพร่หลาย…กับบางคู่ก็ยังมีบางคนเผยแพร่การ “เปรียบเทียบ” ระหว่าง “คนรักเก่าคนรักใหม่” ซึ่งนี่ก็ “ยิ่งทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเป็นตุเป็นตะ” หรือบางคนก็ “อิน” ถึงขั้น “แอนตี้โจมตี” และกับเรื่องแบบนี้ก็…

สะท้อน” เกี่ยวกับ “มิติทางสังคม”

ที่บางคน“เดือดร้อนเพราะอินเกินไป”

ทั้งนี้พลิกย้อนดูกรณี “รักร้าง” ในมุมวิชาการในทางจิตวิทยากรณีนี้ในมุมนี้ทางแหล่งข่าวนักจิตวิทยาท่านหนึ่งได้เคยวิเคราะห์และสะท้อนผ่านทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้ว่า…เรื่องความรักของคน 2 คนที่คบหากันอยู่นั้น ถ้าคนทั้งคู่ต่างก็มีความสุขในความสัมพันธ์ ไม่มีปัญหาใด ๆ ในความสัมพันธ์ ก็แน่นอนว่าคนทั้ง 2 ที่คบหากันก็คงจะไม่มีการเลิกรากัน แต่ทว่า…เมื่อใดที่ความสัมพันธ์นั้นเริ่ม เกิดความเปลี่ยนแปลง ขึ้น หรือ มีความคิดเห็นมีความเข้าใจไม่ตรงกัน เกิดขึ้นเมื่อใด…

ก็ย่อม “สุ่มเสี่ยง” ที่จะเกิดเหตุการณ์…

เลิกกัน” เพราะ “ภาวะรักสั่นคลอน”

โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว…การที่คู่รักคู่ใดเกิดมีอันต้อง “ยุติความสัมพันธ์” กันนั้น ส่วนใหญ่แล้วสาเหตุก็มักจะเกิดจากการที่คน 2 คนไม่สามารถที่จะปรับความเข้าใจกันได้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่าน ๆ มา ที่ “รักร้าง” มักจะเกิด “เป็นประเด็นอื้ออึงยิ่งขึ้น” โดยเฉพาะกับ“ความสัมพันธ์ของคนดังรักของคนดัง” ก็เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่ามี “มือที่ 3” เป็นสาเหตุหรือเปล่า?

มีใครมาแทรกกลางความรัก” หรือไม่?

กับเรื่องนี้ “ยิ่งเรียกเสียงวิพากษ์เซ็งแซ่”

และทางแหล่งข่าวนักจิตวิทยาก็ได้เคยวิเคราะห์และสะท้อนกรณีที่ “ความรักของคน 2 คนเกิดมีบุคคลอื่นเข้ามาแทรกกลางความสัมพันธ์” ไว้ว่า… ก็แน่นอนว่ากรณีนี้มักจะ “เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ” ในระหว่างที่ “ความรักง่อนแง่น” หรือในขณะที่คู่รักกำลัง “เกิดปัญหาความสัมพันธ์” โดยสำหรับกรณีของคู่รักคนดัง ที่มักจะเกิดเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ ที่มักจะถูกมองว่า…ความรักที่เกิดปัญหามักจะหนีไม่พ้นเรื่องของ “มือที่ 3” นั้น เรื่องนี้ย่อมเป็นเรื่องที่คนทั้ง 2 คนจะทราบดีที่สุด?? แต่ที่แน่ ๆ คือ ถ้าจะมีการเข้ามาของบุคคลที่ 3…ถ้าจะมีก็มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีปัญหาสัมพันธภาพรัก หรือ…

กำลังตกอยู่ในสภาวะ “ความรักอ่อนแอ”

จน…เปิดช่องให้บุคคลที่ 3 เข้ามาง่าย

ทั้งนี้ แหล่งข่าวนักจิตวิทยาท่านเดิมยังสะท้อนไว้ว่า… การเลิกรากัน โดยที่มีบุคคลที่ 3 เข้ามา แล้วจะกล่าวโทษว่าเป็นความผิดใครคนใดคนหนึ่ง…ก็อาจจะไม่ถูกนัก เพราะมนุษย์เราต่างก็มีสิทธิและต่างก็มีโอกาสที่จะเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด แต่ยุคปัจจุบัน ยุคโซเชียลมีเดียแพร่หลาย สังคมออนไลน์ขยายวงไปทั่ว กระแสวิพากษ์วิจารณ์รักร้าง โดยเฉพาะ “รักร้างคนดัง” มักจะหนักหน่วง รวมถึงอาจมีการ “เปรียบเทียบคนรักใหม่กับคนรักเก่า” แล้วก็มีผู้เข้ามา “วิพากษ์แรง ๆ”

ยิ่งเป็นคนดัง คนมีชื่อเสียง หรือบุคคลสาธารณะ ก็ยิ่งเป็นจุดสนใจของผู้คน และถ้ายิ่งสังคมเกิดความรู้สึกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประพฤติผิดศีลธรรม หรือทำไม่เหมาะสม กระแสโจมตีก็จะยิ่งหนักหน่วงยิ่งขึ้น จนเกิดกระแสแอนตี้ เกิดกระแสยี้ ที่ส่งผลกระทบกับผู้ที่ถูกโจมตีถูกแอนตี้…เป็นการระบุถึง“ปรากฏการณ์” กรณี“รักร้างคนดัง”

อย่างไรก็ตาม ประเด็นหนึ่งในปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ที่ก็ “น่าตระหนัก” คือ… กระแสอื้ออึงที่เกิดขึ้น…ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากคนนอกที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตของคน 2 คนที่เกิดรักร้าง แต่ คนนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอาจจะพิพากษาตัดสินจากความรู้สึกบนพื้นฐานของตนเองว่าฝ่ายใดผิด ทั้งที่อาจไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ทั้งคู่เลิกกัน ซึ่งเพราะ…

อินจนเกินไป” กับกรณี “รักร้างคนดัง”

บางครั้ง “อาจเลยเถิดจนถูกฟ้องร้อง”

นี่ก็ “น่าจะระวังไว้บ้าง…เบาได้เบา!!”.

ทีมสกู๊ปเดลินิวส์