เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการเรียกหัวหน้าพรรคการเมืองมาพูดคุยหลักการนิรโทษกรรม ว่า ยังไม่มีใครติดต่อมาพูดคุยอะไร ถ้าใครได้อ่านโพสต์ของนายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือเป็นบันไดขั้นแรกที่เราเอารายงานฉบับนี้ ที่มีกรรมาธิการทุกพรรคการเมืองเข้าไปพูดคุยกัน รายงานฉบับนี้ไม่ได้เป็นการเสนอกฎหมาย เป็นการพูดถึงแนวทางว่าจะมีทางเลือกไหนบ้าง ดังนั้นคิดว่าเป็นบันไดขั้นแรกที่ดี ที่เราเอามาพูดคุยกันในรัฐสภาอย่างมีวุฒิภาวะ ส่วนการเลื่อน ตนยังไม่เข้าใจว่าตอนนี้พยายามจะเลื่อนอะไร ไม่แน่ใจว่าไม่พร้อมเรื่องอะไร ทุกฝ่ายควรยอมรับกันได้แล้วว่า ความขัดแย้งทางการเมืองใน 4-5 ปี ที่ผ่านมา เป็นบาดแผลใหญ่ที่ทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งถึงร้าวลึก

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ดังนั้นในการเปิดประตูบานแรก ด้วยการมาพูดคุยถึงการนิรโทษกรรม ของผู้ที่กระทำผิดกฎหมายโดยมีเหตุจูงใจทางการเมือง ถือเป็นก้าวแรกที่ดีที่จะมีความสามัคคีและปรองดองในสังคม ทั้งหมดนี้เป็นรายงานการศึกษา ไม่ใช่กฎหมาย การนำมาพูดคุยกันในสภาในสมัยประชุมนี้ ตอนแรกตนก็คาดหวังว่าจะเป็นวันที่ 10 ต.ค. นี้ แต่ก็มีการเลื่อนออกไปอีก และจะเป็นเรื่องตลกมาก ที่ 2 สัปดาห์ที่เหลือ ประธานขอเลื่อนไปเรื่อยๆ ก็จะไม่สมเหตุสมผลว่าเลื่อนไปเพื่ออะไร

เมื่อถามว่าที่มีการเลื่อนออกไปเพราะจะมีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคการเมือง แต่ยังไม่มีท่าทีที่จะคุยกัน มองว่าเป็นการยื้อหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ถ้ามองก็มองได้ว่าเป็นการยื้อ เพราะตนก็ไม่แน่ใจว่ายื้อไปแล้วมีประโยชน์อย่างไร เห็นว่ามีการพูดคุยกันว่าทุกฝ่ายก็พร้อมแล้ว

ส่วนที่ฝ่ายรัฐบาลอาจจะเป็นกังวลเพราะในเรื่องมาตรา 112 นั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ประเด็นนี้ต้องเอาเข้ามาพูดคุยกัน การเข้ามาเห็นชอบกับรายงาน ไม่ได้แปลว่าทุกฝ่ายเห็นชอบกับการนิรโทษกรรม อาจจะมีความกังวลมากเกินไปหรือไม่ ความขัดแย้งที่มีอยู่ข้างนอก คือหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร ที่จะหยิบยกเข้ามาถึงวุฒิภาวะ ความคิดเห็น แตกต่าง หลากหลาย ไม่เห็นด้วยได้ หาจุดตรงกลาง ที่คิดว่าจะดีกับสังคมในระยะยาว.