“สยามพารากอน” ตอกย้ำความเป็น Luxury Destination ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ครองความเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง ผนึกกำลังพร้อมด้วยเหล่าพันธมิตรใน Ecosystem อุตสาหกรรมไทยอันแข็งแกร่ง ประกาศศักยภาพประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางแฟชั่นโลก เนรมิตที่สุดแห่งปรากฏการณ์แฟชั่นแห่งปี ในงาน “Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2024” (BIFW2024) การรวมพลังเหล่าดีไซเนอร์ไทยชั้นนำและดีไซเนอร์ระดับแนวหน้าแห่งเอเชีย ระหว่างวันที่ 2-6 ตุลาคม 2567 ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Envision the Future” ขับเคลื่อนแฟชั่นไทยสู่มิติแห่งอนาคต

“ธณพร ตันติยานนท์” ผู้บริหารหน่วยธุรกิจ สยามพารากอน กล่าวว่า “สยามพารากอน ยืนหยัดในการสนับสนุนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยมาตลอด โดยจัด BIFW ซึ่งเป็นรันเวย์แฟชั่นอันดับหนึ่งของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 เป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ให้ดีไซเนอร์ไทยได้โชว์ศักยภาพ และเปิดโอกาสให้นักออกแบบคลื่นลูกใหม่ได้มีโอกาสสร้างสรรค์ จัดแสดงผลงาน ส่งเสริมให้ระบบนิเวศของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยพัฒนาไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมแฟชั่นอีกมากมาย โดยแนวคิด Envision the Future ของ BIFW2024 มุ่งนำเสนอมุมมองแฟชั่นของคนรุ่นใหม่สู่อนาคตแห่งความยั่งยืน โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้โลกแฟชั่นเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ”

งาน “Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2024” นำเสนอนิยามใหม่ของประสบการณ์ลักซ์ซูรี่ในทุกมิติของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ที่ทุกคนสัมผัสได้ในแบบ ‘Luxury for All’ โดยนำเสนอ 15 แฟชั่นโชว์ อวดพลังสร้างสรรค์ กับผลงานคอลเลคชั่นล่าสุดจากทั้งแบรนด์ระดับโลกและแบรนด์ไทยระดับแนวหน้า ดังนี้

  • “LIE SANGBONG” (ลี ซางบอง) ออกแบบโดย LIE SANGBONG (ลี ซางบอง) ดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ LIE SANGBONG

แบรนด์ระดับตำนานจากเกาหลีใต้ “LIE SANGBONG” นำเสนอคอลเลคชั่นนล่าสุด “Coexistence: Architecture & Humanity” โดยหยิบยกความงดงามของสถาปัตยกรรมเกาหลีดั้งเดิมมาผสานเข้ากับความงามอันละเอียดอ่อนของแฟชั่นสมัยใหม่ ทั้งความอ่อนโยนและความแข็งแกร่ง เส้นโค้งและรูปทรงเรขาคณิต รวมถึงสีสันแห่งหยิน-หยาง ที่ถูกบรรยายว่าเป็น “Magic Mirror” สะท้อนถึงพลังในการเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นได้อย่างงดงาม ทำให้เห็นความกลมกลืนระหว่างประเพณีและความทันสมัย ถ่ายทอดผ่านชุดที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ทุกชิ้นงานโดดเด่นและสะกดสายตาผู้ชมได้อย่างน่าประทับใจ

  • “Absolute Siam x Dry Clean Only x AJOBYAJO” (แอ๊บโซลูท สยาม x ดราย คลีน โอนลี่ x เอโจบายเอโจ) ออกแบบโดย “จิรวัฒน์ ธำรงกิตติกุล” ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ แบรนด์ Dry Clean Only Bangkok และ Se Hyung Kim ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ แบรนด์ AJOBYAJO

โชว์ครั้งนี้พาไปฟังเสียงดนตรี สัมผัสหัวใจ และสวมใส่จิตวิญญาณ ผ่านคอลเลคชั่น Fall/Winter 2024 “Our Melodies” ซึ่งนำเสนอสตรีตแวร์ ที่มีกลิ่นอายของวัฒนธรรมดนตรี ป๊อปและร็อกแอนด์โรลในตำนาน ผ่านการออกแบบร่วมกันระหว่าง “Dry Clean Only” แบรนด์วินเทจชั้นนำของไทย และ “AJOBYAJO” แบรนด์สตรีตระดับ Hi-End จากเกาหลีใต้ โดยทั้งสองแบรนด์ต่างเชื่อมโยงตัวตนของวัยรุ่นและการแสดงออกทางแฟชั่น ถ่ายทอดวัฒนธรรมย่อยของเอเชียด้วยมุมมองใหม่ นำเสนอความรู้สึกผ่านเสื้อผ้าที่ผสานสไตล์สปอร์ตและสตรีตแวร์อย่างลงตัว พร้อมให้เกียรติเหล่านักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยการนำเสื้อที่เป็นเอกลักษณ์ของวงดนตรีมาปรับแต่งใหม่ผ่านดีไซน์ที่หลากหลาย ทั้งแจ็คเก็ตสี่กระเป๋า เสื้อทำงาน Maxi Dress กระโปรง แจ็คเก็ตอเนกประสงค์ และเสื้อยืดที่สร้างสรรค์ด้วยเทคนิคการปะติด เย็บลูกไม้ Patchwork อีกทั้งยังแสดงความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อดนตรีคลาสสิก ด้วย Trench Coats และ Trench Jackets ที่ประดับด้วย Vintage Wool และภาพสัตว์ป่าอันทรงพลัง

  • “TandT presented by TAT” (ทีแอนด์ที พรีเซนต์เต็ด บาย ทีเอที) ออกแบบโดย “ธนาวุฒิ ธนสารวิมล” ครีเอทีฟไดเรกเตอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ TandT

“TandT” ชวนไปท่องราตรีในโลกแห่งจินตนาการในยามค่ำคืนกับคอลเลคชั่นน Autumn Winter 2024 “My Sleepy Bedtime Friends / In The Middle Of The Night” นำเสนอเรื่องราวของนักมายากลที่จะพาคุณหลับใหลไปกับห้วงความฝัน ชวนต้องมนต์และเดินทางไปกับกระต่ายตัวน้อยเพื่อนในจินตนาการ และเด็กสาวในชุดนอนแขนพองตุ๊กตาที่ตื่นขึ้นมากลางดึก โดยถ่ายทอดผ่านลักษณะของโครงเสื้อผ้าที่ผสมผสานระหว่างความ Feminine กับ Masculine พร้อมสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของ Magic อย่างการเสกดอกไม้ ด้วยเทคนิคการขดกุหลาบด้วยมือที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งสอดแทรกผ่านรายละเอียดเสื้อผ้า ประกอบเป็นช่อดอกไม้หลากหลายสี หลอกล่อให้หลงใหลและเพลิดเพลินไปกับห้วงราตรี อีกทั้งยังใช้เทคนิคการรูดย้วย จับริ้วที่ผ้า (Ruched) ที่ทำให้เกิดเป็นริ้วห้อยระย้าลงมาคล้ายกับผ้าม่านในโรงละคร ชวนให้นึกถึงบรรยากาศในระหว่างแสดงโชว์มนต์สะกด พร้อมกับเล่าเรื่องท้องฟ้ายามค่ำคืนผ่านลวดลายของดวงดาวระยิบระยับอันน่าหลงใหล

นอกจากนี้ TandT ยังร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รังสรรค์เสื้อยืดคอลเลคชั่นนพิเศษที่ถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของ Magic ของประเทศไทย ถึง 4 ลวดลายด้วยกัน ได้แก่ การแสดงลิเกที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว, รถโดยสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์, สัญลักษณ์ทางขนบประเพณีอย่างพระพุทธรูปและดอกบัว รวมถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสีสันของย่านเยาวราช ไชน่าทาวน์แห่งเมืองไทยอันลือชื่อ รวมไปถึงความงดงามของการแสดงโขน

  • “SHANGHAI TANG” (ชางไฮ แทง) ออกแบบโดย “Joe Li” (โจ ลี)

แบรนด์ดังจากฮ่องกงมาพร้อมคอลเลคชั่นนล่าสุด “Friends of SHANGHAI TANG Collection” ที่เชิญเหล่านักสร้างสรรค์ผู้เปลี่ยนแปลงและสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ มาร่วมเฉลิมฉลองสุนทรียศาสตร์แห่งเอเชียสมัยใหม่ ความงามแบบร่วมสมัย และความหรูหราเหนือกาลเวลา คอลเลคชั่นนี้ออกแบบโดย Joe Li ก่อนครบรอบ 30 ปีของแบรนด์ สร้างสรรค์ขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากแนวคิด “Extraordinary Every Day” เพื่อเฉลิมฉลองการถือกำเนิดของ SHANGHAI TANG ในปีมังกร นับเป็นคอลเลคชั่นที่สะท้อนถึงความขัดแย้งอันน่าดึงดูดและการใช้ชีวิตอย่างเปี่ยมสุขได้เป็นอย่างดี

  • “Kloset” (คลอเส็ท) ออกแบบโดย “มลลิกา เรืองกฤตยา” ดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ และ “ณัฏฐ์ มั่งคั่ง” ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์

มลลิกา เรืองกฤตยา พร้อมด้วย ณัฏฐ์ มั่งคั่ง นำเสนอคอลเลคชั่น Autumn/Winter 2024 “Back to Rehab” โดยเปิด Kloset Hotel ต้อนรับหนุ่มสาวมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ กับเสื้อผ้าที่ตอบโจทย์ทุกโอกาส ตั้งแต่ตื่นนอนจนพลบค่ำ ผสานกลิ่นอายช่วงปี 1970’s เพื่อรีชาร์จพลังงานให้กลับมาด้วยความสดใสและสร้างสรรค์ ท่ามกลางโทนสีที่ให้ความรู้สึกถึงการพักผ่อนที่แท้จริง อาทิ ฟ้า ชมพู เบจ เทา ขาว และ ดำ

  • “ISSUE presented by GC” (อิชชู่ พรีเซนต์เต็ด บาย จีซี) ออกแบบโดย “ภูภวิศ กฤตพลนารา” ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์

คอลเลคชั่น “SAMSARA” Autumn/Winter 2024 จาก ISSUE Thailand นำเสนอแนวคิดเรื่อง วัฏจักรแห่งชีวิตผ่านปรัชญาพุทธศาสนา “ปฏิจจสมุปบาท” หรือวงล้อแห่งการเกิดดับ (Wheel of Life) ถ่ายทอดผ่านคอนเซปต์ “กาล” ซึ่งเป็นอวตารของพระศิวะ สะท้อนภาพรวมของชีวิตที่เต็มไปด้วยทั้งสุขและทุกข์อย่างกลมกลืน

นอกจากนี้อิชชู่ยังจับมือกับ GC หรือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำ กัด (มหาชน) องค์กร ที่มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจปิโตรเคมี เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยยึดหลัก Circular Economy ในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เผยโฉมผลงานลิมิเต็ดอิดิชั่นคอลเลคชั่นพิเศษ ที่ต่อยอดมาจากการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกระเจ้า นำนวัตกรรมมาเพิ่มมูลค่าให้ขยะขวดพลาสติก PET โดยนำมาเข้ากระบวนการแปรรูป จนออกมาเป็นผืนผ้า Upcycling โดดเด่นด้วยลวดลายที่ดึงอัตลักษณ์ของคุ้งบางกะเจ้า เช่น ตัวนาก ต้นจาก และกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในคุ้งบางกะเจ้า ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดปริมาณขยะแล้ว ยังก่อให้เกิดสินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในการโปรโมทคุ้งบางกะเจ้าให้เป็นที่รู้จักไปพร้อมๆ กับการนำเสนองานแฟชั่นที่สร้างสรรค์บนพื้นฐานของ Sustainability

  • “POEM presented by MERZ AESTHETICS” (โพเอม พรีเซนต์เต็ด บาย เมิร์ซ เอสเธติกส์) ออกแบบโดย “ฌอน-ชวนล ไคสิริ” ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์

คอลเลคชั่น Autumn Winter 2024 “The Song of the Sirens” แบรนด์ POEM ได้สร้างเรื่องราวอันน่าหลงใหลจากแรงบันดาลใจในตำนานของ “Sirens and the Sailor” ที่เหนือกาลเวลา โดยได้แปลเรื่องราวให้เป็นซิมโฟนีแห่งการแต่งกาย ที่ซึ่งความงามอันเย้ายวนผสมผสานกับความแข็งแกร่งอันแน่วแน่ สะท้อนถึงอุปมาอุปไมยของผู้หญิงยุคใหม่ โดยมีสองสไตล์ที่แตกต่างกัน สไตล์แรกแสดงถึงความเป็นสองขั้วที่น่าหลงใหล ใช้เทคนิคการจับจีบ ซ้อนทับของผ้าสองชนิดที่ตัดกัน เล่นกับความโปร่งแสงที่น่าหลงใหล สะท้อนถึงธรรมชาติหลายมิติของผู้หญิงยุคใหม่

สไตล์ที่สองเฉลิมฉลองให้กับชุดสองชิ้นที่เป็นเอกลักษณ์ของ POEM โดดเด่นด้วย Ombré Effect ที่สีจะค่อย ๆ ไหลลื่นระหว่างเสื้อและกระโปรง โดยคอลเลคชั่นนนี้ของ POEM สะท้อนถึงธรรมชาติหลายมิติของผู้หญิงยุคใหม่ ช่วยให้พวกเธอยอมรับความเป็น Siren ในตัวเอง ดึงดูดทุกสายตาด้วยความแข็งแกร่งและเสน่ห์อันเย้ายวน พร้อมกับสร้างความประทับใจในทุกย่างก้าว

  • “PAINKILLER Atelier” (เพนคิลเลอร์ อเตลิเยร์) ออกแบบโดย “สิริอร เฑียรฆประสิทธิ์” ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์

PAINKILLER Atelier มาพร้อมคอลเลคชั่น Autumn/Winter 2024 “Hilltribe Residency” ถ่ายทอดเรื่องราวของหนุ่ม PAINKILLER ที่ออกเดินทางไปยังยอดดอย เพื่อพำนักและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ โดยนำเสนอการผสมผสานเครื่องแต่งกายของชาติพันธุ์กลุ่มต่าง ๆ บนภูเขาทางภาคเหนือของประเทศไทย เข้ากับแฟชั่นแบบ Urban และ Streetwear เพื่อเผยแพร่ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และจุดประกายให้เกิดการยอมรับ ศึกษา และถ่ายทอดต่อไป

  • “NAGARA” (นาการา) ออกแบบโดย “นคร สัมพันธารักษ์” ดีไซเนอร์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ NAGARA

NAGARA นำเสนอ “Timeless Threads: Silk Stories” คอลเลคชั่นที่เฉลิมฉลองศิลปะการมัดย้อมไหมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละชิ้นงานล้วนแฝงไปด้วยจิตวิญญาณแห่งศิลปะและมรดกทางวัฒนธรรม นำเสนอความงดงามของลวดลายที่บอกเล่าเรื่องราวของธรรมชาติ วัฒนธรรม และงานฝีมืออันประณีต ชวนให้ผู้สวมใส่ได้สัมผัสถึงความงามสง่าและเรื่องราวประวัติศาสตร์ผ่านเสื้อผ้าที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์และความหมาย

  • “ASAVA” (อาซาว่า) ออกแบบโดย “พลพัฒน์ อัศวะประภา” ดีไซเนอร์ ผู้ก่อตั้ง ASAVA GROUP

สำหรับ “Asava Autumn/Winter 2024” เป็นคอลเลคชั่นที่เผยตัวตนของแบรนด์อย่างแท้จริง ด้วยมุมมองใหม่ที่สะท้อนแก่นแท้ของผู้หญิง ผ่านดีไซน์ที่เรียบง่ายแบบมินิมอล ผสมผสานความงามแบบคลาสสิกที่ไร้กาลเวลาเข้ากับความมีเสน่ห์และชีวิตชีวา ถ่ายทอดความลงตัวระหว่างความสง่างามและความทันสมัยได้อย่างมีเอกลักษณ์และ เป็นตัวแทนของยุคสมัย

  • “VICKTEERUT” (วิคธีร์รัฐ) ออกแบบโดย “อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์” ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ แบรนด์ VICKTEERUT

“พอทุกอย่างรอบ ๆ ตัวเริ่มมืด เมืองที่เคยวุ่นวายก็เงียบลง ผู้คนดูตกตะลึง เหมือนอยู่ในภวังค์ เป็นโมเมนต์ที่โรแมนติกอย่างน่าประหลาด ทำให้คิดว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่เราต้องการก็มีแค่ความรัก ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม” อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ VICKTEERUT เล่าถึงสุริยุปราคาเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของคอลเลคชั่น Autumn/Winter 2024 “Eclipse” ที่นำเอาเหตุการณ์สุริยุปราคามาตีความในมุมมองของความรัก

โดยนำเสนอความรักที่แข็งแรง หนักแน่น มั่นคง ผ่านซิลลูเอตของเสื้อผ้าที่ดูคมและสะอาดตา ตามเอกลักษณ์ของเสื้อผ้าสไตล์ Tailoring ของ VICKTEERUT และยังใช้รูปทรงเรขาคณิตที่เห็นได้ทั้งบนคัตติ้งของเสื้อผ้า การจับจีบ และวัสดุตกแต่ง เพื่อเน้นย้ำถึงความรักความมั่นคงของผู้หญิงสร้างสรรค์ขึ้นวัสดุหลากหลายในเฉดสีก่ำ อาทิ สีดำ สีเทา สีกรมเข้ม สีน้ำตาล และยังมีรายละเอียดการตกแต่งพิเศษประจำซีซั่นอย่างการเจาะตาไก่ พิมพ์ลายดอกไม้ และการปักลูกบอลกลมสีเมทัลลิค

  • “Leisure Projects presented by CITIZEN” (เลเชอร์ โปรเจค พรีเซนต์เต็ด บาย ซิติเซน) ออกแบบโดย ณัฐพล กนกวลีวงศ์ ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์ แบรนด์ Leisure Projects

“Leisure Projects” นำเสนอคอลเลคชั่น Autumn / Winter 2024 ภายใต้คอนเซปต์ “Dancing under the Moonlight” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Fullmoon Party อันโด่งดังของเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนำบรรยากาศ ความหลงใหลของเกาะอันสวยงาม เเละความใฝ่ฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาถ่ายทอดเป็นคอลเลคชั่นฤดูหนาวในสไตล์ทรอปิคอล ที่เปี่ยมด้วยความสร้างสรรค์ การเฉลิมฉลอง เเละความสนุกสนาน โดดเด่นด้วยเทคนิคเเละการเลือกใช้วัสดุหลากหลาย เช่น งานตกเเต่งคริสตัล งานเลเซอร์คัต เเละงานปักตกเเต่งผืนผ้า งานพิมพ์ลายกราฟิกที่ได้แรงบันดาลใจจากงาน Body Paint และ Graffiti ที่สนุกสนาน

รวมไปถึงงานฝีมือHandmade ต่าง ๆ เช่น การถักเชือกมาคราเม่ งานร้อยลูกปัดหินเเละมุกธรรมชาติ ผสมผสานออกมาเป็นคอลเลคชั่นน Ready-to-Wear ไปจนถึง Partywear ที่สามารถสวมใส่ออกงานได้อย่างโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของเเบรนด์ พร้อมพบกับนาฬิกา CITIZEN Tsuyosa Collection คอลเลคชั่นนาฬิกาสไตล์คลาสสิค ที่มาพร้อมกับสีสันร่วมสมัย

  • “MOO Bangkok” (หมู แบงค็อก) ออกแบบโดย “พลพัฒน์ อัศวะประภา”

คอลเลคชั่นน “MOO Bangkok Autumn/Winter 2024” สะท้อนความเป็น Urban Casual อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ถ่ายทอดบรรยากาศความมีชีวิตชีวาสไตล์ Countryman ที่รวมความเป็นชายในแบบฉบับของ MOO Bangkok ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยผสมผสานกลิ่นอายของสไตล์ Preppy, Vintage และ Uniform เข้าด้วยกัน เกิดเป็นเสื้อผ้าที่เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ พร้อมแฝงความขี้เล่นและความเท่แบบร่วมสมัยที่สามารถใส่ได้ในทุกวัน

  • “27FRIDAY” (ทเวนตี้-เซเว่น ฟรายเดย์) ออกแบบโดย “ชนะชัย จรียะธนา” ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์ แบรนด์ 27FRIDAY

“27FRIDAY” นำเสนอ “WE ARE ALL HUMAN” คอลเลคชั่นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบอายุ 60 ปี ของดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ ชนะชัย จรียะธนาและครบรอบ 35 ปีในการเดินทางสายอาชีพนักออกแบบเสื้อผ้า โดยนำประสบการณ์และเรื่องราวการเดินทางของชีวิตในวงการแฟชั่นที่ผ่านมา มานำเสนอเป็นโชว์ที่บอกกับทุกคนว่า “แฟชั่น” ไม่จำกัดเพศของคนใส่ “แฟชั่น” ไม่คำนึงถึงวัยของคนใส่ และ “แฟชั่น” ไม่แบ่งแยกฐานะของคนใส่ เพื่อสื่อว่าทุกคนต่างมีคุณค่าในตัวของตัวเอง

มีเอกลักษณ์และเรื่องราวในชีวิตที่พบเจอจนก่อเกิดบุคลิก นิสัย และความเป็นมนุษย์ของแต่ละคน เหมือนกับเสื้อผ้าทุกชิ้นบนตัวเราที่เกิดจากการเลือก ผ่านประสบการณ์ ความชอบและรสนิยม จนสร้างสรรค์เป็นสไตล์การแต่งตัวที่ทุกคนต่างแสดงตัวตนความเป็น “มนุษย์” ของตัวเอง

  • “FLYNOW” (ฟลายนาว) ออกแบบโดย “สมชัย ส่งวัฒนา” ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์ แบรนด์ FLYNOW

โชว์ครั้งนี้ “สมชัย ส่งวัฒนา” ดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ “FLYNOW” นำเสนอคอลเลคชั่น “LIFE” ที่สะท้อนภาพของชีวิตผ่านโครงสร้าง งานศิลปะ และศาสตร์ในการทำแพทเทิร์น ตามแบบฉบับของ FLYNOW เปรียบเสมือนการผสมผสานระหว่างความงามของศิลปะและความซับซ้อนของชีวิตที่ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของแฟชั่นอันทรงพลัง..