คดีดังกล่าว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความโหดร้ายด้านสิทธิมนุษยชนครั้งเลวร้ายที่สุดของเม็กซิโก กลายเป็นสัญลักษณ์ของวิกฤตการณ์บุคคลสูญหาย ในประเทศที่เต็มไปด้วยความรุนแรง

เพียงไม่กี่วันก่อนนางคลอเดีย ไชน์บาว์ม สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเม็กซิโก เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มญาติ, นักศึกษา และผู้ประท้วงคนอื่น ๆ ออกมารวมตัวบนท้องถนนในเมืองหลวง

อนึ่ง การหายตัวไปของนักศึกษา 43 คน ในคืนวันที่ 26 ก.ย. 2557 เรียกเสียงประณามจากนานาชาติ และสร้างความตกตะลึงไปทั่วเม็กซิโก จนถึงขณะนี้ ทางการเม็กซิโกพบศพของนักศึกษาที่สูญหาย และระบุตัวตนได้แค่ 3 รายเท่านั้น จากวิทยาลัยฝึกอบรมครูชนบทอาโยตซินาปา ในรัฐเกร์เรโร ทางตอนใต้ของประเทศ

FRANCE 24 English

หลายครอบครัวกล่าวว่า พรรครัฐบาลฝ่ายซ้ายของประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ผู้นำเม็กซิโกคนก่อนหน้าไชน์บาว์ม มีส่วนรับผิดชอบต่อความล้มเหลวในการค้นหาผู้สูญหายที่เหลือ

ผู้ปกครองบางคนของนักศึกษาที่หายตัวไป กล่าวหาว่า โลเปซ โอบราดอร์ โกหกหลอกลวงพวกเขา และทางการเม็กซิโกพยายาม “หว่านล้อม” ให้พวกเขาลืมโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น รวมทั้งสร้างความแตกแยก และความอับอายขายหน้า อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ปกครองยืนกรานว่า พวกเขาจะยังคงเรียกร้องความจริง ความยุติธรรม และความรับผิดชอบอย่างไม่หยุดหย่อนต่อไป

ด้านโลเปซ โอบราดอร์ เน้นย้ำถึงการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 151 ราย รวมถึงทหาร 16 นาย และการจำคุกผู้ต้องหา 120 ราย ตลอดจนการค้นหาในสถานที่หลายร้อยแห่ง พร้อมกับยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า กองทัพเม็กซิโกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนักศึกษา 43 คน และบรรดาผู้บัญชาการต่างให้ความร่วมมือในการสอบสวน

ทั้งนี้ กลุ่มนักศึกษาจากวิทยาลัยอาโยตซินาปา ซึ่งสมาชิกหลายคนมีประวัติเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทำการยึดรถบัสหลายคัน เพื่อเดินทางไปร่วมการประท้วงในกรุงเม็กซิโกซิตี ก่อนที่พวกเขาจะหายตัวไป ซึ่งทีมเจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่า นักศึกษาถูกลักพาตัวโดยแก๊งค้ายาเสพติดที่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทุจริต แม้ไม่มีความชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นกันแน่

เมื่อปี 2565 คณะกรรมการตรวจสอบและค้นหาความจริง ซึ่งจัดตั้งโดยรัฐบาลของโลเปซ โอบราดอร์ ประณามคดีนี้ว่าเป็น “อาชญากรรมของรัฐ” และระบุว่า กองทัพเม็กซิโกมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นจากความเกี่ยวข้องโดยตรง หรือความประมาทเลินเล่อก็ตาม เนื่องจากคณะกรรมการพบว่า กองทัพทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และมีข้อมูลแบบเรียลไทม์ เกี่ยวกับการลักพาตัวและการหายตัวไป

ขณะเดียวกัน องค์การนิรโทษกรรมสากล “แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล” เรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ของไชน์บาว์ม รับประกันการสอบสวนที่รวดเร็ว และมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งจะนำไปสู่ความยุติธรรม ความจริง และการชดเชยความเสียหายที่ครอบครัวของนักศึกษาที่หายตัวไป ต่างโหยหามานาน.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP