ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด โดยเฉพาะเชียงราย เชียงใหม่ ที่เกิดซ้ำรอบ 2 ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ และมวลน้ำที่กำลังพุ่งตรงมาสู่ที่ราบลุ่มภาคกลางที่ต้องเตรียมรับมือ  ที่สำคัญล่าสุดคือเหตุการณ์ร้ายแรงแห่งปีรถบัสทัศนศึกษาของคณะครู นักเรียน จ.อุทัยธานี เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้จนมีผู้เสียชีวิต 23 ศพ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องกุมขมับเร่งหามาตรการล้อมคอก

ขณะที่เกมการเมืองทั้งในและนอกสภาก็ยังต้องชิงไหวชิงพริบกันเต็มที่ โดยในจังหวะนี้ดูเหมือนพรรคเพื่อไทยจะได้แต้มต่อหลังเงินหมื่นแบบไม่ดิจิทัล ถึงมือประชาชนกลุ่มเปราะบางกว่า 14 ล้านคน ทำให้ล่าสุดนิด้าโพลสำรวจความนิยมประชาชนแล้ว  “นายกฯ อิ๊งค์” คะแนนนำมาเป็นที่  1  แต่ในส่วนพรรคการเมืองนั้น พรรคประชาชนยังมาแรงอันดับ 1  ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 2 พรรคจะต้องไปปรับกลยุทธ์กันต่อไปว่าจะช่วงชิงความนิยมจากประชาชนอย่างไร ก่อนจะถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า

อย่างไรก็ตามปมร้อนในสภาเวลานี้ยังอยู่กันที่รัฐบาลจะเอาอย่างไรกับการเรื่องการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ประชามติ และนิรโทษกรรม  ซึ่งล่าสุดทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลต่างออกความเห็นว่า ประเด็นเหล่านี้ยังไม่ใช่เรื่องด่วน อ้างเหตุสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายก่อนถึงค่อยว่ากัน  ขณะที่การประชุมสภาปีที่ 2 สมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ต.ค.นี้ จึงต้องลุ้นกันว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้ โดยเฉพาะการ “แก้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” ตามที่ได้หาเสียงไว้หรือไม่

นอกจากนั้นเรื่องของ “คดีตากใบ” ซึ่งผ่านมาครบ 20 ปีเต็ม ในจังหวะที่พรรคเพื่อไทยที่มีต้นธารคือพรรคไทยรักไทย ของ ‘นายใหญ่’ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาครองอำนาจรัฐอีกครั้ง และเป็นเผือกร้อนที่ถูกโยนใส่มือนายกฯอิ๊งค์” ผู้เป็นลูกสาวในวันนี้

โดยพรรคฝ่ายค้านและสังคมกำลังจับจ้องกรณีการหายตัวล่องหนของ “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  อดีตแม่ทัพภาค 4  ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ที่ต้องนำตัวขึ้นศาลก่อนคดีหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ สำนักเลขาธิการสภาฯ แจ้งต่อศาลว่า ถ้าเจอตัว “พล.อ.พิศาล” สามารถจับกุมตัวได้เลย ไม่ต้องขออนุญาตสภา แต่ก่อนหน้านั้น “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน”รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ได้เซ็นอนุมัติให้เจ้าตัวลารักษาอาการป่วย ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.-30 ต.ค. พร้อมๆ กับแกนนำพรรคเพื่อไทยออกมาปัดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค

สุดท้ายหากหลังคดีสิ้นสุดอายุความลงแล้ว “พล.อ.พิศาล” โผล่กลับเข้าสภา ก็คงเป็นเรื่องที่ทำให้พรรคเพื่อไทยและ “นายกฯอิ๊งค์” เสียรังวัดอย่างรุนแรง เป็นการขว้างงูไม่พ้นคอ และสะเก็ดแผลนี้จะถูกฝ่ายค้านนำมาสะกิดได้ทุกเมื่อ.