เมื่อวันที่ 6 ต.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า กล่าวรำลึกถึง 6 ตุลาฯ ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยได้กล่าวตอนหนึ่งถึงเหตุการณ์ที่พลทหารศิริวัฒน์ ใจดี พลทหารสังกัดกรมสารวัตรทหารเรือ ที่เสียชีวิตระหว่างการฝึก และญาติได้ทำการฌาปนกิจไปแล้ว ก่อนได้รับทราบจากเพื่อนพลทหารว่า พลทหารศิริวัฒน์ ถูกฝึกและถูกซ้อมอย่างหนัก กระทั่งเสียชีวิตระหว่างการนำตัวส่งโรงพยาบาล พร้อมยังกล่าวถึงเหตุการณ์ตากใบ ที่กองทัพตัดสินใจสลายการชุมนุม จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และยังมีการให้ผู้ชุมนุมนอนทับกันบนรถ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตซ้ำอีก เนื่องจากขาดอากาศหายใจ

จนต่อมาล่าสุด มีการออกหมายจับทหาร และตำรวจระดับสูง ก่อนที่คดีจะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ซึ่งมีพล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ถูกออกหมายจับด้วย แต่ได้ส่งหนังสือลาถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อไปรักษาตัวจากอาการป่วยที่ต่างประเทศ จนประชาชนตั้งข้อสงสัยว่า เป็นความพยายามหลีกเลี่ยงคดีหรือไม่

โดยนายธนาธร ได้ตั้งคำถามว่า สังคมยอมรับเหตุการณ์เหล่านี้ได้อย่างไร เพราะมีความเหมือนกันของวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลในสังคมไทย และผู้ที่กระทำผิดไม่เคยถูกดำเนินคดีสักครั้ง จึงเป็นความล้มเหลวทางสามัญสำนึกครั้งใหญ่ของสังคมซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายทศวรรษ เพราะไม่สามารถเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เข่นฆ่าประชาชนได้สักครั้ง ซึ่งตนเห็นว่า ไม่ใช่ความล้มเหลวของระบบ แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ระบบระเบียบทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่มีลำดับชั้น จารีต ดำรงอยู่ได้

นายธนาธร ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ตนเองตั้งพรรคอนาคตใหม่ และถูกยุบพรรค จนมาถึงเป็นจำเลยในคดีการแก้ไขประมวลอาญามาตรา 112  ว่า แม้ตนเป็นจำเลย แต่ก็ไม่ใช่เวลาแห่งการท้อถอย เพราะข้อเรียกร้อง ที่เกิดขึ้นในปี 2563 และ 2564 สะท้อนอย่างชัดเจนว่า เพดานการเรียกร้องทางการเมือ เรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 สะท้อนสังคมมีความก้าวหน้าไปมาก และเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น ที่ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องสามัญ เป็นเรื่องที่กล่าวกันในปัจจุบันจนถึงทุกวันนี้ และตนเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ จะมาถึง และเชื่อว่า การตื่นตัวทางการเมืองของประชาชน ไม่สามารถลบเลือนได้ง่าย ๆ จึงขอเชิญชวนประชาชน เข้มแข็ง และมีกำลังใจ เดินหน้าต่อไป เพื่อสร้างสังคมที่มีเสรีภาพ อิสรภาพ และภราดรภาพ