เมื่อวันที่ 6 ต.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นต่อนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มเปราะบางผู้ได้รับเงินแล้ว จำนวน 845 คน (สำรวจทางภาคสนาม) พบว่า
สถานะทางการเงินของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีเงินไม่พอใช้และมีหนี้ ร้อยละ 46.75 จากเงินที่ได้รับได้นำไปใช้ซื้อของกินของใช้ ร้อยละ 47.00 โดยมองว่านโยบายนี้ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินได้มาก ร้อยละ 57.75 ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้พอสมควร ร้อยละ 53.61 ส่งผลให้ค่อนข้างเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ร้อยละ 50.65 อยากให้รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือประชาชนเพิ่ม คือ การเพิ่มเงินเดิน ค่าจ้าง สร้างงาน สร้างอาชีพ ร้อยละ 31.70 ทั้งนี้จากนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ทำให้รู้สึกชื่นชอบพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 65.70

น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลสำรวจชี้ว่านโยบายแจกเงิน 10,000 บาทช่วยบรรเทาภาระทางการเงินได้และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง โดยเงินส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ซื้อของกินของใช้ที่จำเป็นและชำระหนี้ โดยมีจำนวนไม่มากนักที่จะนำไปลงทุนต่อยอด แม้จะเห็นว่านโยบายนี้ช่วยเศรษฐกิจและเพิ่มความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลเพื่อไทย แต่ประชาชนยังคงต้องการเพิ่มค่าจ้าง การจ้างงาน และสร้างอาชีพ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริงได้

Print

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศิริมา บุญมาเลิศ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ที่รัฐบาลแจก เงินสด 10,000 บาท ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาเรื่องค่าครองชีพและหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้น โดยนำเงินไปจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคกันอย่างคึกคัก ทำให้ประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล และทำให้คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูต่อไปว่านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางรัฐบาลจะมีมาตรการใดออกมาอีก เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่องและส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในระยะยาว