จากกรณีกลางดึกของวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา นายสันติ เจ๊ะอะหลี อายุ 39 ปี อดีตนักมวย ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในพื้นที่ สน.เตาปูน โดยระหว่างตำรวจเข้าจับกุม ผู้ต้องหาขัดขืนและยิงต่อสู้ หลบหนีเข้าบ้านเรือนประชาชนในซอยอินทามระ 29 แยก 1 โดยในบ้านมีผู้หญิง 1 คน และผู้ชายอีก 2 คน ก่อนที่ผู้ต้องหาจะสามารถหลบหนีไปได้ ส่วนตัวประกันทั้งหมดปลอดภัย

แต่ในเวลาเดียวกัน แฟนสาวของนายสันติ ซึ่งพักอาศัยอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ เกิดอาการเครียด ก่อนขู่ทำร้ายตัวเอง และเอาปืนจี้ตัวเองก่อนขึ้นรถตำรวจเพื่อหลบหนี ก่อนจับตัวได้ที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ตามที่นำเสนอไปแล้ว

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ต.ค. พ.ต.ท.วิชญะศักดิ์ กระแสธีป สว.(สอบสวน) สน.บางซื่อ ควบคุมตัว น.ส.พจน์จะนี บุญหลง อายุ 42 ปี ภรรยาของนายสันติ ฝากขังศาลอาญารัชดา หลังถูกแจ้งข้อหา 1.มีอาวุธปืนไว้ในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุอันสมควร 4.กักขังหน่วงเหนี่ยว 5.มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี และคดีมีอัตราโทษสูง

โดยระหว่างถูกคุมตัวไปขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า เป็นห่วงสามีหรือไม่ น.ส.พจน์จะนี พยักหน้า ถามต่อว่าอยากให้สามีมอบตัวหรือไม่ น.ส.พจน์จะนี พยักหน้าและกล่าวสั้นๆ ว่า ขอโทษในเหตุการณ์เกิดขึ้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ ควบคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นรถห้องขังออกไป

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุไปจริง ก่อนวันเกิดเหตุ 1 วัน ได้เสพยาเสพติด ซึ่งเป็นวันที่ตนเองเดินทางมาจากต่างจังหวัด เพื่อมาหานายสันติ แต่เมื่อทราบว่านายสันติถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ หนีหมายจับ ก็ได้พาตนเองพักตามห้องเช่าต่างๆ ส่วนวันเกิดเหตุ ตนเกิดความเครียดจึงได้ตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว

มีรายงานว่า หลังจากที่นายสันติ ไปหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่เขตลาดพร้าว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นายสันติ มีคนรู้จักเยอะ และเป็นจุดที่ตำรวจได้เบาะแสเป็นจุดสุดท้าย แต่อย่างไรก็ตาม ทางชุดสืบสวนได้มีการขยายวงกว้างการสืบสวนออกไปนอกเหนือพื้นที่กรุงเทพฯ เพราะนายสันติ มีคนรู้จักที่จังหวัดอื่นด้วย