“นายพิชัย นริพทะพันธุ์” รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังเข้าร่วมประชุม เอซีดี ซัมมิท ที่ประเทศกาตาร์ ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เสนอแนวคิดการสร้างความมั่นคงทางอาหารในเวทีประชุม โดยเสนอให้ประเทศไทยเป็นคลังอาหารของตะวันออกกลาง ซึ่งสามารถผลิต เก็บรักษา และส่งมอบได้ทันทีภายใน 24 ชั่วโมง หากเกิดความไม่สงบ และภาวะความขาดแคลนอาหารขึ้น พร้อมกับแสดงความมั่นใจได้ว่า ชาวตะวันออกกลางจะไม่ขาดแคลนอาหาร รวมถึงมีแหล่งผลิตสินค้าฮาลาลที่มีคุณภาพ ซึ่งมีประเทศต่างๆ สนใจมาก เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี), กาตาร์, คูเวต, โอมาน เป็นต้น

“โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ สานต่อความร่วมมือการสร้างคลังอาหารกับตะวันออกกลางให้สำเร็จ ซึ่งหลังจากนั้น ได้มีโอกาสหารือกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจจากยูเออี และโอมาน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุน รวมทั้งแสดงความพร้อมของไทย ในการผลิตอาหารที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นคลังอาหารให้แก่ทั้ง 2 ประเทศ พร้อมกับเชิญชวนให้มาลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรในไทย”

ทั้งนี้ รมต.เศรษฐกิจยูเออี ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะสรุปผลการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ยูเออี ให้ได้โดยเร็ว ส่วนการหารือกับ รมว.เศรษฐกิจโอมานนั้น ได้หารือถึงแนวทางการขยายการค้าระหว่างกัน โดยโอมานชื่นชมพัฒนาการด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในภาคธุรกิจ และแสดงความสนใจต่อการที่ไทยจะเป็นคลังอาหารให้แก่โอมาน ตลอดจนการเปิดเอฟทีเอไทย-โอมาน อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังได้เข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ของประเทศไทยด้านปัญญาประดิษฐ์และโมเดลธุรกิจสมัยใหม่ ภายใต้การประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 3 ร่วมกับผู้แทนระดับสูงจากประเทศต่าง ๆ อาทิ กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย โอมาน เนปาล ทาจิกิสถาน คาซัคสถาน และเมียนมา โดยขณะนี้ไทยได้ดำเนินการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมดิจิทัล ในส่วนของภาครัฐปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล อาทิ การจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านเอไอ เพื่อการพัฒนาประเทศไทย การดึงดูดการลงทุนด้านนวัตกรรม และการวิจัยและพัฒนาในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก