น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า องค์กรคุ้มครองผู้บริโภค นำผู้เสียหายจากการซื้อรถยนต์ที่ได้รับความเดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการดำเนินการนโยบายการตลาดของบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD  ยื่นหนังสือ 

ทั้งนี้กรณีดังกล่าวทาง สคบ. เคยได้รับเรื่องร้องเรียนมาแล้ว โดยได้แบ่งทีมออกเป็นสองทีม คือทีมตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีการเชิญกลุ่มผู้เสียหาย และทางบริษัทที่เป็นผู้จำหน่ายเข้ามาให้ข้อมูล ว่าการจัดโปรโมชั่นเป็นไปตามกฎกระทรวงหรือไม่อย่างไร ขณะที่อีกส่วนคือ เรื่องการเยียวยาดูแลผู้ที่ได้มีการพูดคุยกับบริษัท เรเว่ จนมาสู่การเยียวยาผู้เสียหาย โดยการให้ชาร์จไฟฟรี 2,000 แห่งทั่วประเทศ เป็นระยะเวลาหนึ่งปี โดยเริ่มเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่นอกจากนี้ยังมีการพยายามหามาตรการในการดูแลคุ้มครองผู้บริโภคเพิ่มเติม 

สำหรับวันนี้ (3 ต.ค.) จะมีการรับฟังปัญหาความเสียหายที่ผู้บริโภคได้รับผลกระทบ และมีความต้องการอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบ เบื้องต้นทราบว่าผู้บริโภคมีปัญหาเรื่องจุดที่เปิดบริการให้ชาร์จไฟฟรี บางจุดชาร์จไม่ได้ จึงได้เชิญบริษัท เรเว่ฯ เข้ามา เพื่อที่จะให้เร่งแก้ไขโดยด่วน ขณะเดียวกันยังมีกรณีที่ BYD ประเทศจีนเรียกรถคืน เกือบ 100,000 คัน ที่มีความสุ่มเสี่ยงว่าจะเกิดเพลิงไหม้ ทาง สคบ. จึงขอให้ทางบริษัทเรเว่ฯ ชี้แจงรายละเอียดมา ซึ่งเบื้องต้นก็ได้รับคำชี้แจงว่ารถยนต์ 100,000 คันที่มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดเพลิงไหม้นั้น ไม่ได้ถูกส่งเข้ามายังประเทศไทย อย่างไรก็ตามก็จะเชิญบริษัทเรเว่ฯ เข้ามาเพื่อที่จะได้ชี้แจงรายละเอียด และมีการตรวจสอบไปถึงมาตรฐานในเรื่องอื่นๆ ที่อาจเกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค 

ขณะที่ตัวแทนของมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค  ระบุว่า การเยียวยาของบริษัทเรเว่ฯ 3-5 เดือนที่ผ่านมา สถานีที่ให้ไปชาร์จฟรีนั้นไม่เพียงพอ หนึ่งสถานีมีเพียงแค่สองหัวจ่าย และไม่ได้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ผู้บริโภคไม่มีเวลาที่จะไปรอ จึงมองว่า อาจจะต้องมีนโยบายของภาครัฐที่จะเข้ามาควบคุมในอนาคตต่อไป อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคต้องการซื้อรถ EV ในราคาที่สมเหตุสมผล จึงอาจจะต้องมีการทบทวนนโยบายทั้งหมดของภาครัฐ 

ด้านตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย กล่าวว่า  ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาเรื่องการลดราคา เพราะอยากให้คนไทยได้ใช้ของราคาถูก แต่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างของราคา ในกรณีที่โครงการ EV 3.0 มีการมอบเงินเข้ามาช่วย แต่ทาง BYD กลับนำไปเป็นการตลาดของตัวเองแต่พอ จบโครงการราคาก็จะปรับขึ้น ซึ่งผู้เสียหายก็ประสบแบบนั้นมาโดยตลอด พร้อมย้ำว่าในฐานะผู้ใช้งานจริง ที่ได้ไปใช้บริการชาร์จไฟฟรี บางจุดอยู่ในปั๊ม หัวจ่ายไฟเปิดแต่ปั๊มปิดให้บริการ และหลายที่ก็คิวยาวมาก 

พร้อมระบุว่า “ถ้าถามว่าเขาจริงใจหรือไม่ เราก็พยายามติดต่อขอเจรจากับเขา และยังได้เดินทางไปที่รัฐสภา เพื่อให้คณะกรรมาธิการ ได้เชิญมาชี้แจง พยายามติดต่อไปที่ทางผู้ขายโดยตรง แต่เขาก็ไม่เคยสนใจเราเลย”