สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ว่า นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ว่า “ถึงเวลาที่จะต้องหยุดวงจรความรุนแรงนองเลือด” ในภูมิภาคตะวันออกกลาง


ขณะเดียวกัน กูเตร์เรสยืนยันว่า ในฐานะเลขาธิการยูเอ็น เขาประณามเหตุการณ์ที่อิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา และ “ประณามระดับเดียวกันกับเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้น เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา” โดยกล่าวอย่างตรงไปตรงมามากขึ้นว่า “ขอประณามอย่างหนัก ต่อการที่อิหร่านยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดใส่อิสราเอล”


ทั้งนี้ กูเตร์เรสกล่าวด้วยว่า การยิงขีปนาวุธที่เกิดขึ้น “ย้อนแย้ง” กับการแสดงจุดยืนสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ และไม่ได้ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของชาวปาเลสไตน์แต่อย่างใด แต่ยังคงทิ้งท้ายด้วยการประณามอิสราเอลด้วยว่า ปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซา ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2566 ถือเป็นการโจมตีทางทหารครั้งรุนแรงและเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ ตั้งแต่ปี 2560


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเลขาธิการยูเอ็นเกิดขึ้นไม่นาน หลังนายอิสราเอล คัตซ์ รมว.การต่างประเทศอิสราเอล กล่าวว่า ประกาศให้กูเตร์เรส มีสถานะเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา”


ทั้งนี้ รัฐบาลอิสราเอลให้เหตุผลว่า บุคคลซึ่งไม่ประณามอย่างเป็นทางการ ต่อการที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ไม่สมควรได้รับสิทธิ “ให้ก้าวขึ้นมายืนบนแผ่นดินของอิสราเอลอีกต่อไป” และประณามว่า กูเตร์เรสเป็นเลขาธิการซึ่ง “มีจุดยืนชัดเจนว่าต่อต้านอิสราเอล และสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย”

อนึ่ง หลังอิหร่านประกาศเสร็จสิ้นการยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกใส่อิสราเอล ยูเอ็นออกแถลงการณ์ประณาม “ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ลุกลามขยายวงกว้าง” และ “ความรุนแรงที่ทวีคูณซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ในภูมิภาคแห่งนี้.

เครดิตภาพ : AFP