สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 ลูกค้าในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทางตะวันตกของสหรัฐ จะสามารถสูบกัญชาในร้านอาหารบางแห่งได้ หลังกฎหมายฉบับใหม่อนุญาตให้เปิด “ร้านกัญชา” ซึ่งคล้ายคลึงกับที่พบได้ในเนเธอร์แลนด์

รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศอนุญาตใช้กัญชาเพื่อการพักผ่อนอย่างถูกกฎหมาย เมื่อปี 2559 แต่ร้านจำหน่ายกัญชาอย่างถูกกฎหมายยังคงได้รับความนิยมน้อยกว่าตลาดมืด

นายแมตต์ ฮานีย์ สมาชิกสภารัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งร่วมผลักดันกฎหมายนี้ กล่าวว่า ธุรกิจกัญชาขนาดเล็กกำลังต่อสู้กับผู้ค้ายาเสพติดที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือหนีภาษี และเพื่อให้พวกเขาอยู่รอดและเติบโตได้ รัฐจึงต้องช่วยให้พวกเขาสามารถปรับตัว, สร้างสรรค์ และเสนอผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งในบางเมือง เช่น เวสต์ฮอลลีวูด ใกล้กับนครลอสแอนเจลิส เรียกร้องให้ตรากฎหมายดังกล่าวมาหลายปีแล้ว

ทั้งนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียหวังที่จะแข่งขันเรื่องนี้ กับกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ สำหรับเลานจ์กัญชา หรือคาเฟ่กัญชานั้น ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของบาร์หรือร้านอาหารอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้มีการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน แต่ประชาชนจำนวนไม่น้อยยังคงคัดค้าน

สมาคมโรคมะเร็งอเมริกัน ระบุในแถลงการณ์ว่า “ควันกัญชามือสองมีสารก่อมะเร็งและสารเคมีพิษหลายอย่าง เช่นเดียวกับควันบุหรี่” พร้อมทั้งวิจารณ์ว่า กฎหมายใหม่จะบ่อนทำลายกฎหมายร้านอาหารปลอดบุหรี่ และลดทอนสิทธิในอากาศบริสุทธิ์ที่ถูกปกป้องมานานถึง 30 ปี

อนึ่ง กฎหมายกัญชาฉบับใหม่จะรวมถึงมาตรการอีกหลายข้อ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านสุขภาพ รวมถึงการที่พนักงานในคาเฟ่กัญชา หรือเลานจ์กัญชาสามารถสวมหน้ากาก เพื่อป้องกันตัวเอง และได้มีการศึกษาถึงความเสี่ยง จากการสูดดมควันกัญชาจากผู้อื่น.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES