นายวีระ เกษตรสิน รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ไลน์ ประเทศไทย เปิดเผยถึงโรดแม็พการพัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องมือ โซลูชั่นต่างๆ บน ไลน์ ว่า ภายในปี 67-68 ได้แบ่งโซลูชั่นออกเป็น 3 กลุ่มสำคัญ ได้แก่ 1.กลุ่มบริการด้านโฆษณา ที่มีการเพิ่มรูปแบบใหม่ และเพิ่มตัวเลือกในการระบุกลุ่มเป้าหมายที่ละเอียด ครอบคลุมมากขึ้น โดยล่าสุด ได้เปิดให้แบรนด์สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายตามความสนใจในกลุ่มผู้ติดตามบน ไลน์ โอเอ ได้ และจะมีการขยายไปสู่กลุ่มผู้ใช้งาน ไลน์ โอเพ่น แชต ผู้ใช้งานบริการอื่นๆ บน ไลน์ รวมถึงไลน์ ทูเดย์ ในอนาคต  

2.กลุ่มโซลูชั่นด้านดาต้า ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการดาต้าได้ดีและสะดวกยิ่งขึ้นบน มายคัสโตเมอร์ ผ่านความสามารถใหม่ๆ อาทิ การจับคู่ข้อมูลด้านโปรไฟล์ของลูกค้ากับผู้ติดตามใน ไลน์ โอเอ การมีระบบอัตโนมัติมาช่วยดำเนินงานการตลาดให้ การเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบภายนอกได้ และการสร้างกลุ่มเป้าหมายคาดการณ์โดย เอไอ ในขณะที่ มายคัสโตเมอร์ และ ซีอาร์เอ็ม มีแผนเปิดกว้างการเชื่อมต่อกับช่องทางการขายอื่นๆ มากขึ้น รวมไปถึงกับแอป ไลน์ แมน อีกทั้งยังมีการเพิ่มฟังก์ชั่นการสร้างกิจกรรมพิเศษตามกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ และสำหรับกลุ่มเครื่องมือเพื่อติดตามผล ที่จะเดินหน้าผลักดันการใช้งาน คอนเวอร์ชั่น เอพีไอ เพื่อช่วยแบรนด์เพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามผลพฤติกรรมผู้บริโภคได้แม่นยำ ครอบคลุมขึ้นกว่าเดิม

รัฐธีร์ ฉัตรดำรงค์ศักดิ์

“ไลน์ ยังคงสานต่อจุดมุ่งหมายในการเป็นแพลตฟอร์มเปิดเพื่อคนไทย โดยเปิดโอกาสให้ทั้งภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างบริการดิจิทัลที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจที่แตกต่างกันไป และนักพัฒนาเข้ามามีบทบาทในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อร่วมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลโดยรวม นอกจากนั้น ยังมุ่งช่วยให้ธุรกิจและแบรนด์เดินหน้าเติบโตต่อได้ในระยะยาวท่ามกลางความไม่แน่นอน ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อภาคธุรกิจในอนาคต” นายวีระ กล่าว

ด้าน นายรัฐธีร์ ฉัตรดำรงค์ศักดิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ ไลน์ ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยและธุรกิจต่างๆ กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทั้งระดับมหภาคและจุลภาค ทั้งปัจจัยในประเทศ ที่หนี้ครัวเรือนที่มีสัดส่วนสูงถึงกว่า 90% รวมถึงปัจจัยลบภายนอก ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก และการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนในภูมิภาคอาเซียน โดยคาดการณ์ว่า จีดีพีของไทยในปีนี้ จะมีการฟื้นตัว ด้วยอัตราการเติบโตประมาณ 2.3% ถึง 2.6%