เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 2 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม  ทั้งนี้มีการพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาของ สส. จำนวน 3 ญัตติ ได้แก่ 1.ญัตติด่วนด้วยวาจาที่นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เสนอขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางเสนอข้อคิดเห็นและการยกระดับมาตรฐานในการป้องกันการเกิดเหตุกรณีรถบัสทัศนศึกษา เกิดเหตุเพลิงไหม้ และหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ

โดยนายเจเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี  ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ในฐานะตัวแทนครอบครัวผู้สูญเสีย ผู้ที่ได้รับผลกระทบ และชาว จ.อุทัยธานี ในครั้งนี้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เข้าไปช่วยเหลือ และได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้ด้วยความเศร้าเสียใจ และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบถึงสภาพจิตใจของนักเรียน ครอบครัวผู้เสียชีวิต จึงขอรับฟังแนวทางการแก้ไขของสภาและคาดหวังให้รัฐบาลออกมาตรการแก้ไขเป็นรูปธรรม ซึ่งสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของทุกคนที่ต้องช่วยกันระดมความคิดความเห็นทำให้เกิดการแก้ไขอย่างจริงจัง พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะสืบทอดเจตนารมณ์ของครูที่พร้อมพลีกายปกป้องชีวิตเด็กนักเรียน

“ผมขอขอบคุณทุกคำโอบอุ้มปลอบโยนของทุกคนที่ส่งมาให้ แต่วันนี้พวกเราขอความเจ็บช้ำนั้น ขอให้พวกเรารวบรวมความเจ็บช้ำนั้น เก็บไว้กับเราและขอให้เป็นสิ่งที่ได้รับการเรียนรู้แก้ไข ยกระดับในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับใครอีก” นายเจเศรษฐ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

2.ญัตติด่วนด้วยวาจาของ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย เสนอขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาสาเหตุการเกิดไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน แนวทางการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบและมาตรการการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ ว่า เห็นว่าคนทั้งประเทศเศร้าเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีคนแสดงความเห็นว่าควรยกเลิกการทัศนศึกษาหรือไม่ สภาจึงต้องช่วยกันคิดว่าการทัศนศึกษาเป็นความบกพร่องหรือไม่ จึงทำให้ต้องยกเลิก หรือความผิดความบกพร่องอยู่ที่กระบวนการทัศนศึกษา หรืออยู่ที่รถ หรืออยู่ที่คน หรือเด็กนักเรียนในวัยใดที่จะเดินทางไปทัศนศึกษาโดยสามารถดูแลตัวเองได้เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน รวมถึงรถที่ใช้เดินทางมีความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ โครงสร้างการดัดแปลงทำถูกหลักวิศวกรรมหรือไม่ และอุปกรณ์ความปลอดภัยในรถ เครื่องดับเพลิง ประตูฉุกเฉินมีเพียงพอใช้การได้หรือไม่ และรถโดยสารควรมีอายุการใช้งานเท่าไหร่ ศักยภาพ สุขภาพการควบคุมของคนขับรถ หรือการแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดเหตุมีหรือไม่ ถ้าเราไม่อยากเห็นเหตุการณ์ความเศร้าโศกเสียใจแบบนี้เกิดขึ้นอีก เราจะต้องช่วยกันคิดช่วยกันระดมความคิด ส่งมาตรการนี้ให้รัฐบาลนำไปดำเนินการต่อไป

และ 3.ญัตติด่วนด้วยวาจาของ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน เสนอขอให้สภาผู้แทนราษฎรศึกษาแนวทางป้องกันเหตุและแผนเผชิญเหตุที่เป็นรูปธรรมในอนาคต กรณีการเกิดเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาเพื่อเสนอเรื่องไปยังรัฐบาลดำเนินการต่อไป ว่า ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและชื่นชมการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินที่ทันท่วงทีของรัฐบาล วันนี้ไม่ได้หาคนผิดหรือติติงแต่จะหาทางออกร่วมกันว่าไม่ให้เผชิญเหตุการณ์หรือถอดบทเรียนซ้ำๆ ในเรื่องสะเทือนใจแบบนี้ในอนาคต ซึ่งตน มีข้อเสนอต่อเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 67 ถึงแผนป้องกันเหตุแผนการเผชิญเหตุในอนาคต  4 ประเด็น 1.มาตรฐานรถโดยสารสาธารณะเพื่อความปลอดภัย ไทยมีกฎเกณฑ์กฎหมายควบคุมคุณภาพรถซึ่งกำหนดให้มีอุปกรณ์จำเป็นให้ครบถ้วน “ประตูฉุกเฉิน-เครื่องดับเพลิงที่สามารถใช้การได้-อุปกรณ์ทุบกระจก” วัสดุในรถต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดคุมการลุกไหม้ตามมาตรฐาน และต้องมีการตรวจสอบสภาพรถอย่างจริงจังเพื่อลดเกิดอุบัติเหตุ  2. การนำเสนอข่าว เนื่องจากมีความเปราะบางและละเอียดอ่อน และเคารพสิทธิผู้ประสบเหตุ ไม่ให้เป็นการตอกย้ำความสูญเสีย และผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องควรออกจากเหตุการณ์ให้ไวที่สุด  มีหน่วยงานที่สำคัญเข้าถึงผู้ประสบเหตุให้ไว การนำเสนอข่าวมอบหมายให้เป็นทางการเพื่อให้ข่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกันและป้องกันความเปราะบาง

น.ส.ศศินันท์ กล่าวต่อว่า 3.การเยียวยาผู้ประสบเหตุครอบครัวอย่างรวดเร็วและทั่วถึง และฟื้นฟูสภาพจิตใจ ให้จิตแพทย์ดูแลจิตใจอย่างต่อเนื่อง ชื่นชมรัฐบาลได้ประสานงานเรื่องนี้ได้อย่างดีและรวดเร็วแต่จะเป็นการดีหากมีการกำหนดเรื่องนี้ในแผนเผชิญเหตุอย่างเป็นรูปธรรม และ 4.เรื่องที่สังคมถกเถียงการทัศนศึกษา  ซึ่งปัญหาจริงๆ ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ที่การไปทัศนศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของคุณภาพความปลอดภัยทุกอย่างที่เกี่ยวข้องและอุบัติเหตุที่คาดการณ์ไม่ได้ และการสอนให้เด็กเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะควรบรรจุในหลักสูตรการศึกษาอย่างเป็นระบบ

“เหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 67 ไม่ได้มีอะไรชดเชยความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับหลายครอบครัว จึงอยากชวนเพื่อนสมาชิกทุกคนเอาความเจ็บปวดร่วมกันในวันนี้ทำให้ทุกคนเอาจริงเอาจังมากขึ้นกับความปลอดภัยบนถนนที่ไม่ใช่เพียงรถโรงเรียน รถโดยสารสาธารณะในประเทศไทยก็เกิดอุบัติเหตุไม่เว้นแต่ละวันต้องเอาจริงเอาจังสร้างระบบมาตรฐานความปลอดภัยของรถโดยสารและสร้างสังคมที่ปลอดภัยให้กับทุกคนในอนาคตร่วมกัน” น.ส.ศศินันท์ กล่าว

จากนั้นที่ประชุมสภา ได้เปิดโอกาสให้ สส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล  อภิปรายกันอย่างกว้างขวางในญัตติดังกล่าว.